ทำไม “นาฬิกาหรู” ถึงเป็นสินทรัพย์มาแรง ให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้น-บิตคอยน์?
ท่ามกลางราคานาฬิกาหรูที่พุ่งขึ้นแรงในช่วงโควิดที่ผ่านมา อีกทั้งในการลงทุนนาฬิกาหรู ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้น และบิตคอยน์ด้วย อะไรเป็นปัจจัยสำคัญของแรงขับเคลื่อนราคาดังกล่าว และการลงทุนนาฬิกาหรูควรระวังเรื่องใดบ้าง
Keypoints
- ราคาเฉลี่ยของนาฬิกาหรู จากอยู่ที่ 21,209 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2563 พุ่งขึ้นสูงสุดไปแตะ 45,426 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2565
- นาฬิกาหรูเหล่านี้โดยเฉพาะรุ่น Limited Edition ปกติถูกจำกัดส่งให้แต่ละประเทศ เพียง 5-10 เรือนเท่านั้น
- ชาวจีนสะสมความมั่งคั่ง 70% ไว้ในอสังหาริมทรัพย์ แต่จากการจัดระเบียบของรัฐ ชาวจีนจึงกระจายความมั่งคั่งส่วนหนึ่งมาอยู่ที่นาฬิกาหรูแทน
เมื่อไม่นานมานี้ Morgan Stanley บริษัทการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า นาฬิกาหรูมือสองอย่างแบรนด์ Rolex, Patek Philippe และ Audemars Piguet ให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้น และบิตคอยน์เสียอีก แม้จะผ่านมรสุมการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก
นาฬิกาหรูเหล่านี้กลับปรับตัวลงเพียง 8% เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ร่วงลง 19% และบิตคอยน์ปรับตัวลงมากถึง 65%
อะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นาฬิกาหรูเหล่านี้พุ่งขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมาซึ่งมีการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก
4 ปัจจัยสำคัญดันราคา “นาฬิกาหรู” พุ่งแรงช่วงโควิด
1. การอัดฉีดเงินที่สูงของธนาคารกลางทั่วโลกเข้าสู่เศรษฐกิจ
เมื่อเกิดวิกฤติโควิด และตามมาด้วยการปิดเมือง ผู้คนไม่สามารถออกไปทำงานได้ ธนาคารกลางทั่วโลกจึงตัดสินใจพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม และอัดฉีดเงินเหล่านี้เข้าสู่ระบบ มีการแจกเงินเยียวยา และโอนเงินช่วยเหลือผู้ว่างงานจำนวนมาก เงินอัดฉีดสู่ระบบที่มากเกินไปนี้ ทำให้ผู้คนนำเงินส่วนเกินเหล่านั้นเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น บิตคอยน์ หรือแม้แต่นาฬิกาหรูด้วย!
เมื่อดูกราฟตลาด WatchCharts พบว่า ราคาเฉลี่ยของนาฬิกาหรู จากอยู่ที่ 21,209 ดอลลาร์หรือราว 7 แสนบาทเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2563 พุ่งขึ้นสูงสุดไปแตะ 45,426 ดอลลาร์หรือราว 1,500,000 บาทเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2565
- กราฟราคาดอลลาร์นาฬิกาหรู (เครดิต: WatchCharts) -
การพิมพ์เงินมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็น"หนึ่งในสาเหตุสำคัญของเงินเฟ้อปัจจุบัน" ที่ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องกลับมาแก้ไขสิ่งนี้ด้วยการขึ้นดอกเบี้ยที่สูงในปัจจุบัน
2. ต้นทุนนาฬิกาที่สูงตามเงินเฟ้อขาขึ้น
ในช่วงโควิดระบาดหนัก การปิดประเทศของจีนและทั่วโลก ทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้นทุนการขนส่งจึงสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น สงครามรัสเซียยูเครนก็ดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกให้สูงตามไปด้วย ถือเป็นการเติมเชื้อไฟเงินเฟ้อให้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อขาขึ้นได้สะท้อนไปสู่ต้นทุนนาฬิกาหรูด้วย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนทางวัตถุดิบนาฬิกาหรู อย่างเพชร แพลทินัม ไทเทเนียม ทองคำ ฯลฯ หรือแม้แต่ค่าแรงช่างด้วย
รวิศ เหตานุรักษ์ ผู้จัดการแบรนด์นาฬิกา MAURICE LACROIX ประเทศไทย เปิดเผยกับประชาชาติธุรกิจว่า หลังเดือน พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับราคานาฬิกา MAURICE LACROIX กลุ่มสินค้าหลักขึ้นราว 10% จากผลกระทบเงินเฟ้อ ราคาต้นทุน และปัจจัยลบต่าง ๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมา
ด้านริคาร์โด โกดอลลูป ซีอีโอบริษัท Hublot ผู้ผลิตนาฬิกาหรูสัญชาติสวิสกล่าวในต้นปี 2565 ว่า ราคาทอง และวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนนาฬิกาเพิ่มขึ้น 3-4% อีกทั้งซัพพลายเออร์เพชรก็ได้ขยับขึ้นราคาเป็น 10-15%
- นาฬิกา Rolex (เครดิต: AFP) -
- นาฬิกา Audemars Piguet ต้องใช้ความวิจิตรในการผลิต (เครดิต: AFP) -
3. ความขาดแคลนนาฬิกาหรู
ช่วงปิดเมืองรับมือโควิด โรงงานผลิตนาฬิกาหรูหลายแห่งต้องปิดบริการชั่วคราว อีกทั้งการขนส่งก็ลำบากจากความเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาด ส่งผลให้อุปทานนาฬิกาหรูขาดแคลน
พอล อัลเทียรี ซีอีโอร้านขายปลีกนาฬิกาที่ชื่อ Bob’s Watches กล่าวว่า นาฬิกา Rolex โดยปกติต้องใช้เวลาหลายปีในการผลิต ยิ่งต้องเผชิญการปิดโรงงานหลายเดือนจากมาตรการโควิดแล้ว ก็ยิ่งทำให้นาฬิกาหรูนี้ขาดแคลนมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น นาฬิกาหรูเหล่านี้โดยเฉพาะรุ่น Limited Edition ปกติถูกจำกัดส่งให้แต่ละประเทศ เพียง 5-10 เรือนเท่านั้น การที่ผู้คนไม่สามารถออกไปช้อปปิ้งในต่างแดนได้ จึงทำให้ราคานาฬิกาหรูในประเทศขาดแคลน และถีบตัวสูงขึ้น
- การล็อกดาวน์ในจีน (เครดิต: AFP) -
- นาฬิกา Patek Philippe (เครดิต: AFP) -
4. ชาวจีนกระจายความมั่งคั่งสู่นาฬิกาหรูแทนอสังหาฯ
เมื่อจีนจัดระเบียบภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มงวด รัฐบาลจีนประกาศว่า อสังหาริมทรัพย์ควรมีไว้เพื่อการอยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไร ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์นี้ปรับตัวลงแรง โดยชาวจีนสะสมความมั่งคั่งสูงถึง 70% ไว้ในอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม จากการจัดระเบียบของรัฐบาล ชาวจีนจึงกระจายความมั่งคั่งส่วนหนึ่งมาอยู่ที่นาฬิกาหรูแทน ซึ่งสะดวกต่อการพกพา และมีมูลค่าสูงด้วย
- อสังหาริมทรัพย์จีน (เครดิต: AFP) -
จากปัจจัยสำคัญ 4 ข้อเหล่านี้ ประกอบกับนาฬิกาหรูเป็นสิ่งแสดงฐานะ เมื่อต้องพบปะสังสรรค์ผู้คน มีความสะดวกในการขนย้ายเปลี่ยนมือมากกว่าเงินสดจำนวนมาก ทองคำ และหุ้น จึงทำให้ราคานาฬิกาหรูปรับตัวขึ้นแรงในช่วงโควิดที่ผ่านมา
- ลงทุนนาฬิกาหรู ควรระวังเรื่องใดบ้าง
หากต้องการลงทุนในนาฬิกาหรู การลงทุนย่อมมาพร้อมความเสี่ยง ราคาที่ขึ้นแรงนี้มาจากการเก็งกำไรที่สูง อีกทั้งในปัจจุบัน อุปทานนาฬิกาก็กลับมาเพิ่มขึ้นแล้ว โลกก็กำลังเผชิญความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่อาจทำให้ความต้องการในสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้ลดน้อยลงได้ จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐ และตะวันตกจะเสี่ยงต่อเศรษฐกิจถดถอย แต่การเปิดประเทศของจีนล่าสุด กำลังจะฟื้นความต้องการสินค้าแบรนด์เนมกลับคืนมาได้ โดยเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เจ้าของบริษัทแบรนด์หรู LVMH ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมองว่า การอัดอั้นของลูกค้าจีนที่ปิดประเทศมา 3 ปี จะทำให้พวกเขากลับมาซื้อสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ เพื่อล้างแค้น
อาร์โนด์ คาดาร์ต ผู้จัดการสินทรัพย์บริษัท Flornoy Ferri มองว่า จีนเป็นภูเขาไฟที่พร้อมระเบิด โดยคาดว่าตลาดสินค้าหรูในจีนสามารถเติบโตได้ 30% ภายในปีนี้
จากปัจจัยเหล่านี้ อาจทำให้แรงซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากกลุ่มผู้บริโภคสินค้าหรูชาวจีนกลับมาคึกคักอีกครั้งก็เป็นได้
--------------------------
อ้างอิง: watchcharts bloomberg bloomberg(2) yahoo ft prachachat cnbc dailysabah fortune