'หุ้นเทคฯ' ผงาดสินทรัพย์สู้เงินเฟ้อ กันความเสี่ยง เป็นรองแค่ 'ทองคำ'
บทบาท “ทองคำ” ที่เคยเป็นสินทรัพย์สู้กับเงินเฟ้อกำลังถูกท้าทาย เมื่อผลสำรวจพบ “หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่” ให้ผลตอบแทนที่สูง จนถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อมากที่สุดเป็นอันดับ 2
ล่าสุด ผลสำรวจ Bloomberg Markets Live Pulse วันที่ 6-10 พ.ค. 2567 ชี้ว่า “หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่” กำลังกลายเป็นอีกทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงจาก “เงินเฟ้อ” จนเริ่มท้าทายบทบาท “ทองคำ” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิม
แม้ว่าเกือบครึ่ง (46%) ของผู้ตอบแบบสอบถามยังมองว่า ทองคำเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดในการสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น แต่เกือบหนึ่งในสาม (เกือบ 33%) มองว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Nvidia ผู้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิกสำหรับปัญญาประดิษฐ์, Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของสหรัฐ ฯลฯ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่า เพราะสามารถสร้างผลกำไรที่มั่นคงและความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
ยกตัวอย่าง นับตั้งแต่เงินเฟ้อเริ่มสูงกว่า 2% เมื่อเดือน มี.ค. 2564 ราคาหุ้นบริษัท Nvidia พุ่งขึ้นมากกว่า 6 เท่า หรือแม้แต่บริษัท Apple ผู้ผลิต iPhone ที่ราคาหุ้นขึ้นๆ ลงๆ ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นเพียงราว 30%
อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากการประเมินมูลค่าบริษัท ขึ้นอยู่กับกำไรในอนาคตเป็นส่วนใหญ่
สำหรับราคาทองคำที่พุ่งขึ้นเกือบ 15% ในปีนี้ เป็นเพราะธนาคารกลางจีน (PBOC) ต้องการทองคำเก็บสำรองมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งจากเหตุการณ์โลกตะวันตกอายัดสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ของรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีบุกยูเครน หลายประเทศจึงหันมาลดการพึ่งพาดอลลาร์ จนกลายเป็นอานิสงส์ต่อทองคำ
ส่วนประเด็นความเสี่ยงทางการเงิน ผลสำรวจผู้ตอบแบบสอบถาม 59% จาก 393 คนมองว่า ภาวะเงินเฟ้อที่กลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง เป็นความเสี่ยงอันดับต้น ๆ ที่ตลาดการเงินกำลังเผชิญตอนนี้จนถึงปลายปี และดัชนีราคาผู้บริโภคครั้งต่อไปที่จะกำหนดเผยแพร่ในวันพุธนี้ เป็นที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.4% หรือปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือน มี.ค.ที่ขยายตัว 3.5%
เมื่อถามถึงสกุลเงินที่น่าเชื่อถือมากที่สุด เกือบสามในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า “ดอลลาร์สหรัฐ” เป็นสกุลเงินปลอดภัยที่ดีที่สุด ส่วนฟรังก์สวิสได้รับคะแนนโหวตประมาณ 23% และเยนญี่ปุ่น ได้รับคะแนนโหวตที่น้อยกว่าประมาณ 6 เท่า
หากแยกตามภูมิภาค ผู้ตอบแบบสอบถามจากสหรัฐและแคนาดา โหวตให้ดอลลาร์สหรัฐ 86% ในขณะที่ 43% ของผู้ตอบแบบสอบถามในยุโรป เลือกสกุลเงินสวิส
อ้างอิง: bloomberg