'กฎของซาห์ม' ตัวชี้วัดเศรษฐกิจถดถอยที่แม่นยำตั้งแต่ 1970 ชนวนทำหุ้นโลกดิ่งหนัก

'กฎของซาห์ม' ตัวชี้วัดเศรษฐกิจถดถอยที่แม่นยำตั้งแต่ 1970 ชนวนทำหุ้นโลกดิ่งหนัก

เสียงระฆังเตือนเศรษฐกิจโลกดังขึ้นอีกครั้ง จาก ‘กฎของซาห์ม’ หรือ 'Sahm Rule' ส่งสัญญาณเตือนว่า สหรัฐเสี่ยงเผชิญเศรษฐกิจถดถอย กฎนี้มาจากไหน และสามารถฟันธงอนาคตเศรษฐกิจปัจจุบันได้หรือไม่

ท่ามกลางดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงหนัก โดยดัชนีหุ้นไทยดิ่งหลุด 1,300 จุด ขณะที่ราคาพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น ความเสี่ยง “เศรษฐกิจถดถอย” ได้กลับมาเป็นกระแสขึ้นอีกครั้ง โดยตัวชี้วัดที่ถูกพูดถึงในอันดับต้น ๆ นี้ คือ “กฎของซาห์ม” หรือ “Sahm’s Rule” ตัวชี้วัดโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดยการนำ “อัตราการว่างงาน” (Unemployment Rate) มาคำนวณ

ที่น่าสนใจ คือ ตัวชี้วัดนี้สามารถทำนายภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐได้อย่างแม่นยำตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา

กฎของซาห์มถูกเสนอโดย เคลาเดีย ซาห์ม (Claudia Sahm) นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นการใช้ค่าเฉลี่ยของอัตราการว่างงานย้อนหลัง 3 เดือน ลบด้วยอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน หากส่วนต่างนี้เกิน 0.5% แปลว่า เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย

เมื่อกฎของซาห์มดังขึ้น

ล่าสุด อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ในเดือนกรกฎาคม ทำให้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือนของอัตราการว่างงานทะลุผ่าน 0.5 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรกในรอบวัฏจักรเศรษฐกิจนี้ จนหลายคนถามถึงเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานเฟดถึงกฎของซาห์ม
พาวเวลตอบกลับว่า “ผมเรียกสิ่งนี้ว่า ความสม่ำเสมอทางสถิติ ไม่เหมือนกับกฎเศรษฐศาสตร์ที่บอกว่าอะไรบางอย่างจะต้องเกิดขึ้น”

ด้านเคลาเดีย ซาห์ม ก็มองว่า ตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เช่น กฎของซาห์ม เป็นความสม่ำเสมอเชิงประจักษ์จากอดีต “ไม่ใช่กฎธรรมชาติ”

เธอเสริมต่อว่า กฎนี้อาจใช้ไม่ได้ผลในครั้งนี้ เนื่องจากช่วงการระบาดของโควิด-19 ไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบปกติของวัฏจักรธุรกิจ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการฟื้นตัว มีความเป็นไปได้สูงว่า การเพิ่มขึ้นของการว่างงานบางส่วนในช่วงที่ผ่านมา อาจเกิดจากการขยายตัวของแรงงาน ซึ่งนำโดยการย้ายถิ่นฐาน โดยอาจทำให้ตัวบ่งชี้นี้มีประสิทธิภาพลดลง

อย่างไรก็ตาม มีการเพิ่มขึ้นของการว่างงานแบบปกติเกิดขึ้นจริงบางส่วนด้วย ซาห์มกล่าวว่า การเพิ่มขึ้นนี้จึงไม่สามารถมองข้ามได้

นอกจากนี้ แม้ว่าการเลิกจ้างจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี ตามการยื่นขอรับประโยชน์ว่างงาน แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ เหตุผลหลักคือ นายจ้างส่วนใหญ่ลังเลที่จะลดจำนวนพนักงาน หลังจากเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจในช่วงดังกล่าว โดยไรอัน สวีท (Ryan Sweet) นักเศรษฐศาสตร์อเมริกาประจำ Oxford Economics กล่าวว่า อัตราการว่างงานก็ต่ำเป็นประวัติการณ์เช่นกัน แม้ว่าจะเพิ่มขึ้น

ข้อจำกัดของ Sahm’s Rule

ซาห์มมองว่า Sahm Rule อาจถูกทำลายลงได้ โดยเธอเคยเขียนในจดหมายข่าวเดือนเมษายน 2022 ว่า ให้ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 3.5% จากระดับต่ำสุดที่ 3.0% ซึ่งตรงตามเกณฑ์สัญญาณเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามกฎของซาม์

อย่างไรก็ตาม หากในช่วงเวลาเดียวกันนั้น การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ประมาณ 2.5% จากระดับสูงสุดที่ 5.5% และอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเหลือ 2% สถานการณ์แบบนี้ อาจจะไม่ถือว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย

โดยสรุป การเกิดสัญญาณ Sahm Rule ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเกิดภาวะถดถอยขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาจะทำนายได้อย่างแม่นยำตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 แต่ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนให้ระมัดระวัง ซึ่งตลาดได้ตอบรับความกังวลนี้แล้วด้วยแรงเทขายที่เกิดขึ้น  

อ้างอิง: yahoousainvest