ราคาทองปิดลบต่อเนื่อง 6 วันแตะ 2,626 ดอลลาร์ ค่าเงินแข็งค่ากดดัน

ราคาทองปิดลบต่อเนื่อง 6 วันแตะ 2,626 ดอลลาร์ ค่าเงินแข็งค่ากดดัน

ราคาทองฟิวเจอร์ปิดลบต่อเนื่องอีก 9.40 ดอลลาร์ เหตุค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า จ้างงานแกร่ง หวั่นเฟดลดดอกเบี้ยรอบต่อไปไม่แรง

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกัน 6 วันทำการ ในวันพุธที่ 9 ต.ค. เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังคงถูกกดดันจากการที่นักลงทุนลดความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.40 ดอลลาร์ หรือ 0.36% ปิดที่ 2,626.00 ดอลลาร์/ออนซ์

ไท่ หว่อง เทรดเดอร์ด้านโลหะจากองค์กรอิสระในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้ตลาดมีความกังวลว่าเฟดอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งความกังวลดังกล่าวทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงติดต่อกันยาวนานถึง 6 วันทำการ
 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 147,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.2% และต่ำกว่าระดับ 4.2% ในเดือนส.ค.

ข้อมูลล่าสุดจาก CME's FedWatch บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนัก 21% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวขึ้น 0.37% แตะที่ระดับ 102.926 เมื่อคืนนี้

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานจะปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 3.2% เช่นกันในเดือนส.ค.