ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ ลุ้นเลือกตั้ง-ประชุมเฟดสัปดาห์นี้
ดาวโจนส์ปิดลบ 257.59 จุด ตลาดจับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ-ผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความผันผวน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (4 พ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนตลอดทั้งวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,794.60 จุด ลดลง 257.59 จุด หรือ -0.61%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,712.69 จุด ลดลง 16.11 จุด หรือ -0.28%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,179.98 จุด ลดลง 59.93 จุด หรือ -0.33%
โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน และคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ต่างก็ขับเคี่ยวกันในการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่การเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันนี้ (5 พ.ย.) ขณะที่โพลหลายสำนักบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของทรัมป์และแฮร์ริสสูสีกันอย่างมาก และอาจจะต้องใช้เวลาหลายวันในการตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะในศึกเลือกตั้งครั้งนี้
การลงทุนบางส่วนที่เรียกว่า "Trump Trade" ชะลอตัวลงหลังจากโพลล่าสุดบ่งชี้ว่าแฮร์ริสมีคะแนนนำในรัฐไอโอวา ซึ่งโพลดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง และฉุดราคาบิตคอยน์ร่วงลงด้วย
นอกจากนี้ โพลในรัฐไอโอวายังส่งผลให้เว็บพนันหลายแห่งเพิ่มอัตราการต่อรองว่าแฮร์ริสจะได้รับชัยชนะเหนือทรัมป์ในการเลือกตั้งครั้งนี้
แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความไม่แน่นอน และคาดว่าภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะผันผวนในสัปดาห์นี้ จนกว่าจะรู้ผลการเลือกตั้งว่าใครเป็นผู้ชนะ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาจนถึงวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เป็นอย่างน้อย
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 21.94 จุด ซึ่งยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ระดับ 19.46 จุด
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มบริการด้านการสื่อสารร่วงลง 1.21% และ 0.92% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุด โดยพุ่งขึ้น 1.87% ตามด้วยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดีดตัวขึ้น 1.13%
ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปต่ำ ปรับตัวขึ้น 0.4% โดยได้แรงหนุนจากการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.48% หลังจาก S&P Dow Jones Indices ประกาศนำหุ้นอินวิเดียเข้ารวมในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ แทนหุ้นอินเทล (Intel) ที่จะถูกถอดออกหลังรวมอยู่ในดัชนีดาวโจนส์มานาน 25 ปี ขณะที่ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นอินเทลดิ่งลง 2.93%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 6-7 พ.ย.นี้ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมครั้งนี้ รวมทั้งให้น้ำหนักกว่า 80% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.