BAFS ธุรกิจเติมน้ำมันเครื่องบินผ่านจุดคุ้มทุนไปแล้ว
เราคาดว่า BAFS จะมีผลขาดทุนสุทธิ 90 ล้านบาทใน 3Q65F ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากที่ขาดทุนสุทธิ 199 ล้านบาทใน 3Q64 และ 120 ล้านบาทใน 2Q65
โดยผลประกอบการที่ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จะมาจากปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นถึง 131% YoY และ 20% QoQ เป็น 780 ล้านลิตรใน 3Q65F เนื่องจากมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) และดอนเมือง (DMK) สอดคล้องกับเป้าปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินในเดือนสิงหาคมของผู้บริหารที่คาดว่าจะเกือบถึง 9.0 ล้านลิตรต่อวันซึ่งผ่านจุดคุ้มทุนคุ้มทุนของธุรกิจการเติมน้ำมันเครื่องบินที่ 8.3 ล้านลิตรต่อวันไปแล้ว นอกจากนี้ เรายังคาดว่าปริมาณการขนส่งเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้น 19% QoQ เป็น 120 ล้านลิตร เนื่องจาก utilization rate ของ โครงการท่อส่งน้ำมันของ FPT ส่วนต่อขยาย (บางปะอิน - พิจิตร - ลำปาง) กำลังทยอยขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิงนี้ยังคงส่งผลขาดทุนให้บริษัทอยู่ ดังนั้นเราจึงคาดว่ารายได้จากธุรกิจเติมน้ำมันเครื่องบินและธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิงของ BAFS จะเพิ่มขึ้น 21% QoQ เป็น 464 ล้านบาทใน 3Q65F โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นรวมจะเพิ่มขึ้น QoQ เป็น 15.0% จาก 5.0% ใน 2Q65 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจ solar farm จะลดลง QoQ เพราะถูกกดดันจากช่วงฤดูฝนใน 3Q65
ปรับลดประมาณการปี 2565/66F ลง 37%/35%
เราปรับลดประมาณการปี 2565F ลง 37% เป็นขาดทุนสุทธิ 274 ล้านบาท และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F ลง 35% เหลือ 472 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินลดลง โดยเราได้ปรับลดสมมติฐานปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินในปีนี้ลง 7% เหลือ 3,000 ล้านลิตร และปีหน้าเหลือ 4,844 ล้านลิตร คิดเป็น 49% และ 79% ของระดับก่อน COVID ระบาดตามลำดับ หลังจากที่คาดว่า ปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินในงวด 9M65F จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านลิตร โดยสมมติฐานใหม่ของเรานี้สอดคล้องกับเป้าล่าสุดของ BAFS ในปีนี้ที่คาดว่าจะสูงกว่า 3,000 ล้านลิตร (ลดลง 17% จากเป้าเดิมที่ 3,594 ล้านลิตร) นอกจากนี้ เรายังปรับลดสมมติฐานปริมาณการขนส่งเชื้อเพลิงในปี 2566F ลง 33%เหลือ 800 ล้านลิตร และปี 2567F ลง 22% เหลือ 1,300 ล้านลิตร จากความล่าช้าของการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันเชื่อมระหว่างท่อส่งน้ำมันภาคเหนือของ FPT กับท่อส่งน้ำมันของ Thappline ที่จังหวัดอยุธยา
Valuation & Action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย SoTP ปี 2566 ที่ 36.50 บาท โดยยังคงคำแนะนำซื้อ BAS จากโมเมนตัมที่แข็งแกร่งของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งนักวิเคราะห์กลุ่มท่องเที่ยวของ KGI คาดว่าจะอยู่ที่ 11.0 ล้านคนในปี 2565F และจะเพิ่มขึ้นเป็น 25.0 ล้านคนในปี 2566F และเป็น 36.0 ล้านคนในปี 2567F นอกจากนี้ เรายังมองบวกกับธุรกิจการเติมน้ำมันเครื่องบินของ BAFS ซึ่งคาดว่าจะผ่านจุดคุ้มทุนที่ 8.3 ล้านลิตรต่อวันไปได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
Risks
ความผันผวนของอุปสงค์น้ำมันเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง, การขนส่งน้ำมันหลายประเภทผ่านท่อส่งน้ำมันของบริษัท และสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่สูงถึง 2.5x ใน 1H65