เน้นเลือกรายตัว ตลาดระยะสั้นได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่า
หากเงินเฟ้อสหรัฐฯชะลอจะหนุนการฟื้นระยะสั้น ตลาดหุ้นยุโรป สหรัฐฯ ฟื้นตัวซึ่งมีปัจจัยสำคัญจาก 1) การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินยูโรหลังธนาคารกลางยุโรปเริ่มเข้าสู่วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ย
2) แรงซื้อกลับ (short covering) ของหุ้นที่ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา แม้ภาพเศรษฐกิจระยะกลางจะมีความกังวลของเศรษฐกิจทั่วโลกที่อาจชะลอตัวลงในช่วงกลางปีหน้า แต่ในระยะสั้นแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ชะลอลง และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่น่าจะปรับขึ้นในอัตราที่ชะลอลง จะยังเป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยง โดย Bloomberg concensus ประเมินเงินเฟ้อสหรัฐฯ ส.ค. ที่ -0.1% MoM และ +8.0% YoY (ชะลอลงเทียบกับเงินเฟ้อ ก.ค. ที่ 0.0% MoM และ +8.5% YoY)
ติดตามผลของสถานการณ์น้ำท่วมต่อหุ้นซ่อมแซมบ้านและประกันภัย สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย และชานเมืองกรุงเทพ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลระยะสั้นต่อจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นสองกลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มค้าปลีก (ซ่อมแซมบ้าน) ตลาดอาจมองถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการตกแต่งและซ่อมแซม ซึ่งจะเป็นบวกต่อ HMPRO, GLOBAL, DOHOME 2) กลุ่มประกันภัย ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้มีความเสี่ยงต่อการเคลมสินไหม ซึ่งอาจกระทบต่อผลประกอบการระยะสั้น นักลงทุนจึงควรเพิ่มความระวังความผันผวนของหุ้นในกลุ่มประกันภัย
ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มได้ประโยชน์จากคนละครึ่งเฟส 5 อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE, TNP, KK, MAKRO 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO 5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, CPF, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, ASIAN, MBK, SAMART, TPIPL, ARIN, SVT, TFG, MC, TKN
ภาพรวมกลยุทธ์: เน้นที่การเลือกตัวหุ้นมากกว่าทิศทางดัชนี ยังติดตามการกลับตัวของดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ภาพตลาดระยะสั้นอาจดีกว่าที่เราเคยประเมินได้ อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มหุ้นปลอดภัย หุ้นที่ยังขึ้นน้อย รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยบวกรายตัว มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่า ส่วนกลุ่มพลังงานเก็งกำไรที่แนวรับได้ แต่เลี่ยงหุ้นโรงกลั่นที่กำไรไตรมาส 3 น่าจะชะลอหนัก //หุ้นแนะนำ: OR*, VRANDA*, ASW*, BABA80*
แนวรับ: 1,646 / แนวต้าน : 1,660-1,686 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
คริส เวลเลอร์ หนุนขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่เดือนนี้ – คริส เวลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในการประชุมนโยบายการเงินเดือนนี้
ดอยซ์แบงก์คาด ECB ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ต.ค.นี้ – เปลี่ยนการคาดการณ์ จากการปรับเพิ่มดอกเบี้ย 0.50% เป็น 0.75% ในเดือนต.ค.
รัฐบาลเร่งผลักดันภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย กระตุ้นจ้างงานเพิ่มรับไฮซีซั่น - จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมานี้ มียอดสะสมอยู่ที่ 5,018,172 คนแล้ว รัฐบาลยังคงเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 65 ไว้ที่ 10 ล้านคน จากเดิมที่คาดไว้ 6 ล้านคน
ดัชนีเชื่อมั่น SME Q3/65 เริ่มฟื้น – อยู่ที่ 56.82 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับในไตรมาสที่ 2/65 ที่ 56 โดยปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นเพิ่มสูงขึ้น มาจากกำลังซื้อและการจับจ่ายที่เพิ่มมากขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
ก.แรงงาน เสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8% เข้าครม 13 ก.ย. – เพิ่มกำลังซื้อและลดเสี่ยงด้านเครดิต กลุ่มเช่าซื้อ, บริหารหนี้, เครื่องดื่มชูกำลัง รับประโยชน์
GULF ซื้อโรงไฟฟ้า Jackson ในสหรัฐมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท – โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ กำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ เดินหน้าลดคาร์บอนด์ต่อเนื่อง
UOB Kay Hian comment – โครงการ Jackson คิดเป็น 13% ของกำลังการผลิต คาดจะเพิ่มมูลค่าให้ GULF ประมาณ 8 บาทต่อหุ้น
CH เข้า IPO วันแรก - บมจ. เจริญอุตสาหกรรม เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "CH" ในวันที่ 12 ก.ย. 65
Opportunity day – 12 ก.ย. – NSL, ONEE, MC, WINMED, D, ICHI, TRU / 13 ก.ย. – ALT, UTP, PEACE, BYD, WHAUP, HUMAN / 14 ก.ย. – STECH, PJW, TRT, TRC, SCN, SELIC, ACE
ตลท.ให้ CRANE-JDF ใช้เกณฑ์ Cash Balance - ตั้งแต่ 12-30 ก.ย.65
ประเด็นติดตาม: 13 ก.ย. – US CPI / 14 ก.ย. - US PPI / 15 ก.ย. – Retial Sales / 16 ก.ย. – EU CPI / 20 ก.ย. – US Building Permits / 21 ก.ย. – US Existing Home Sales, Fed Interest Rate Decision
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)