Sideways ซื้อเก็งกำไร PTG BBL CENTEL (20 ก.ย. 2565)

Sideways ซื้อเก็งกำไร PTG BBL CENTEL (20 ก.ย. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1,641/1,650 จุด แนวรับ 1,621/1,617 จุด (EMA 50/200 วัน) แนะนำ ซื้อเก็งกำไร PTG BBL CENTEL ทางเทคนิค ดัชนีฯ อยู่ในทิศทางอ่อนตัว โดยจะเกิดสัญญาณขาย (Sell Signal) หากหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,617 จุด (EMA 200 วัน)

โมเมนตัมลบ คือ ผจก.กองทุนโลกยังคงคาดว่าธนาคารกลางโลกส่วนใหญ่ยังคงเป็น Hawkish (เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย) เพิ่มโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023E ไฮไลท์วันนี้ คือ China Loan Prime Rates ประกาศคงดอกเบี้ย 1 ปี ที่ 3.65% และ 5 ปี ที่ 4.3% (ตามคาด); USA Housing Starts คาด -1.8% MoM (Vs เดือน ก.ค. -9.6% MoM), UN หารือประเด็นสงครามยูเครน จนถึงวันที่ 26 ก.ย.; สุนทรพจน์ประธานอีซีบี ลาการ์ด; Australia RBA Meeting Minute; Thailand ผลประชุมครม.

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC JMART TCAP JMT CENTEL BH BEM AOT EA PTG WHA CPN MINT KTB BDMS FORTH

+ Daily Recommendations: PTG (การเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น หนุนรายได้ทั้งจากธุรกิจ Oil และ Non-Oil เติบโตต่อเนื่อง) BBL (รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น) CENTEL (รับการเปิดตัว 'โคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส' เฟส 1 ในวันที่ 12 ต.ค. นี้ โดย CENTEL ได้ประโยชน์จากการมีโรงแรมในพื้นที่ใกล้เคียง 7 แห่ง)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์แนวโน้ม Bond Yield ปรับตัวสูง: BBL KBANK TIPH TLI

+ หุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดโคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส เฟส 1: CENTEL ERW AOT

+ หุ้นกลุ่ม Domestic Play: PTG SNNP

+ หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า: DELTA SAPPE

 

ปัจจัยบวก

+ Energy Price: การปรับตัวลดลงของราคาพลังงาน โดยราคาก๊าซธรรมชาติลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ที่ USD7.7/MMBtu หลังจากการประท้วงของสหภาพแรงงานรถไฟในสหรัฐฯ ได้ข้อยุติ ขณะที่ราคาก๊าซฯ ที่เนเธอร์แลนด์ลดลงแตะ 170 ยูโร/MWh หลังจาก ECB มีมติลดการพึ่งพิงน้ำมันจากรัสเซีย เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ลดลง จากการเพิ่มแหล่งขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ และการยึดโรงกลั่นฯ รัสเซีย ของเยอรมนี ทำให้เงินเฟ้อในกลุ่มประเทศ EU มีโอกาสชะลอตัวลง

 

 

ปัจจัยลบ

- Fund Survey เดือน ก.ย.: ผลสำรวจระหว่างวันที่ 2-8 ก.ย. ผจก.กองทุนโลก 212 ราย วงเงิน USD616bn. โดย Bank of America พบว่ามีมุมมอง Super Bearish ต่อ Equities (-52% Vs -26% เดือน ส.ค.) โดย Underweight ตลาดหุ้น Europe ตลาดหุ้น EM และกลุ่ม Cyclical และหันไป Long Defensive, Energy และ Cash (ถือสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2001)

- US/China: ความเสี่ยง Geopolitical Risks เพิ่มขึ้น หลังจากประธานาธิบดีไบเดนให้สัมภาษณ์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ พร้อมปกป้องไต้หวัน หำกถูกโจมตีโดยจีน

 

ประเด็นสำคัญ

- Opportunity Day: SO THAI CMAN YGG NWR RSP BRR

- China: Loan Prime Rates คงดอกเบี้ย 1 ปี ที่ 3.65% และ 5 ปี ที่ 4.3% (ตามคาด)

- USA: Housing Starts คาด -1.8% MoM (Vs เดือน ก.ค. -9.6% MoM)

- Australia: RBA Meeting Minute

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดบวกวันแรกรอบ 4 วันทำการ: ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways กรอบ 1,629.51-1,638.68 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,631.57 จุด +1.17 จุด วอลุ่มซื้อขาย 6.0 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +4.01% การแพทย์ +1.5% ธนาคาร +0.98% บริการรับเหมาก่อสร้าง +0.82% หุ้นบวก >4% DELTA TAKUNI TEAMG SENAJ STPI BAFS PROS NUSA ML ARIN SPACK UMI JP หุ้นลบ >4% CBG DITTO CH STGT YGG SIMAT SUTHA PROEN

 

 

 

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ: DJIA +0.64% S&P500 +0.69% NASDAQ +0.76% ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน นำขึ้นโดยหุ้น 9 จาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่คำนวณดัชนี S&P500 อาทิ กลุ่ม materials, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มเทคฯ (Apple+2.5%) ขณะที่กลุ่ม healthcare ปิดลบ (หุ้น Moderna ร่วง -7.14%) หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้สิ้นสุดลงแล้ว ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ CAC40 -0.26% DAX +0.49% FTSE -0.62% นำขึ้นโดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มอุตสาหกรรม และนำลงโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ Health Care จากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยและการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางโลกต่าง ๆ

+/- ราคาน้ำมันดิบปิดบวก ส่วนทองคำปิดลบ: WTI +62 เซนต์ ปิดที่ USD85.73/บาร์เรล Brent +65 เซนต์ ปิดที่ USD92.00/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากข่าวกลุ่ม OPEC+ ผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมาย 2.892 และ 3.583 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.ค. และส.ค. ที่ผ่านมา ส่วนราคาทองคำ -USD5.3 ปิดที่ USD1,678.2/ออนซ์ จากการพุ่งขึ้นของ Bond Yield สหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

ประเด็นสำคัญ

- USA: สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 3 จุด สู่ระดับ 46 ในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47 โดยมีสาเหตุจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และต้นทุนในการก่อสร้าง ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในปัจจุบันต่างปรับตัวลง

- Thailand: คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลสัปดาห์นี้ไว้ที่ 34.94 บาท/ลิตร แม้สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง แต่ยังคงมีความผันผวน จึงต้องมีการพิจารณาเป็นรายสัปดาห์ต่อไป และจะไม่มีการลอยตัว ราคาน้ำมันดีเซลอย่างแน่นอน

- China: นักเศรษฐศาสตร์ มองภาพรวมเศรษฐกิจจีนเป็นขาลง แม้ข้อมูลเศรษฐกิจหลายภาคส่วนของจีนเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด โดยได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนลงจาก 3% เหลือ 2.7% ในปี 2022E และจาก 5.4% ลงเหลือ 4.6% ในปี 2023E เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อเศรษฐกิจ

- China: ธนาคารกลางจีน (PBOC) ลดอัตราดอกเบี้ยธุรกรรมการซื้อหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) ระยะ 14 วัน ในวันที่ 19 ก.ย. พร้อมยกระดับการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบธนาคาร เพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงใกล้สิ้นสุด 3Q22E

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: BBL SCB TLI

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: PTG BBL CENTEL

Derivatives: แนะรอเปิด Short เมื่อดีดตัว