Nvidia ครองแชมป์ผู้นำตลาด AI ปี 2024 ยังไม่มีใครแกร่งพอจะโค่นล้ม
Nvidia ครองแชมป์ผู้นำตลาด AI ปี 2024 ครองตลาด 90% เงินทุนไหลเข้า 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ มากสุดในตลาดหุ้น ที่ยังไม่มีใครแกร่งพอจะโค่นล้ม คู่แข่ง ‘AMD-Intel’ เร่งพัฒนาชิปชิงส่วนแบ่งตลาด
ปีนี้ “อินวิเดีย” Nvidia ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ของโลกประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกระแส AI จนทำให้ “เจนเซ่น หวง” ซีอีโอของ Nvidia กลายเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่คนอยากเจอตัวมากที่สุดในซิลิคอนแวลเลย์ พร้อมกับต้องเดินทางพบปะกับบุคคลสำคัญทั้งในแวดวงเทคโนโลยีและผู้นำระดับโลก
ในไตรมาสล่าสุด Nvidia รายงานรายได้รวม 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย 87% ของรายได้หลักมาจากธุรกิจศูนย์ข้อมูล ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า หุ้น Nvidia กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในตลาดหุ้นสหรัฐโดยมีกระแสเงินทุนไหลเข้า 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่า S&P 500 ETF ถึง 2 เท่า และมีแนวโน้มที่จะแซงหน้า Tesla ซึ่งเป็นหุ้นที่นักลงทุนนิยมในปีที่ผ่านมา
มาร์โก ยาชินี จาก Vanda กล่าวว่า "Nvidia ขโมยซีน Tesla ได้สำเร็จด้วยผลประกอบการที่โดดเด่น" สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่ออนาคตของบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่รายนี้"
ยาฮูไฟแนนซ์รายงานว่า ความสำเร็จของ Nvidia ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ บริษัทกำลังเร่งการผลิตชิป Blackwell ซึ่งทรงพลังสำหรับ AI และคาดว่าจะทำรายได้หลายพันล้านดอลลาร์จากการจัดส่งฮาร์ดแวร์ในไตรมาสที่ 4 เพียงไตรมาสเดียว
‘AMD-Intel’ เร่งชิงส่วนแบ่งตลาด
แต่การแข่งขันไม่ได้หยุดนิ่ง บริษัทคู่แข่งอย่าง AMD กำลังพยายามดึงลูกค้าของ Nvidia ไป และแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดของ Nvidia ที่คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 80-90%
บริษัทผู้ให้บริการคลาวด์ขนาดใหญ่ เช่น Microsoft, Google, Amazon และ Meta ต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อซื้อชิป Nvidia ให้ได้มากที่สุด ตลาดที่มีความต้องการสูงทำให้บริษัทคู่แข่งอย่าง AMD กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อแย่งชิงลูกค้าของ Nvidia ด้วยการผลิตชิปรุ่น MI300X ขณะที่ Intel ก็มีโปรเซสเซอร์ Gaudi 3 เข้าสู่ตลาดที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันโดยตรงกับชิป H100 Hopper ของ Nvidia
ขณะเดียวกันลูกค้าของ Nvidia เองก็กำลังพัฒนาชิปเพื่อลดการพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้วยเช่นกัน อย่าง Broadcom หนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่ประกาศว่าได้ร่วมมือกับบริษัท Google ในการออกแบบชิป AI ทำให้ราคาพุ่งทะยานขึ้น 113% ในปีนี้ และพุ่ง 44% ในเดือนเดียวหลังจากที่ ฮก ทัน (Hock Tan) ซีอีโอของบริษัทประกาศว่า AI อาจสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทสูงถึง 60-90 พันล้านดอลลาร์ในปี 2027 เพียงปีเดียว
คู่แข่งอันดับ 1 คือ AMD มีโอกาสในการแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจาก Nvidia มากกว่า Intel เนื่องจาก Intel กำลังเผชิญกับความท้าทายในการปรับโครงสร้างองค์กรและการค้นหาซีอีโอคนใหม่
แดเนียล นิวแมน ซีอีโอของ Futurum Group กล่าวว่า สิ่งที่ AMD ต้องทำคือสร้างซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่าย พัฒนาระบบในตลาดที่มีความต้องการสูง เช่น ในกลุ่มนักพัฒนา ซึ่งในที่สุดจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ เพราะผู้ให้บริการคลาวด์เหล่านี้จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงแค่ AMD และ Intel เท่านั้นที่เป็นคู่แข่งของ Nvidia ลูกค้าของ Nvidia เองก็กำลังพัฒนาและผลักดันชิป AI ของตนเองอย่างต่อเนื่อง Google มีหน่วยประมวลผลเทนเซอร์ (TPU) ที่พัฒนาขึ้นร่วมกับ ส่วน Broadcom Amazon มีโปรเซสเซอร์ Trainium 2 และ Microsoft มีตัวเร่งความเร็ว Maia 100
การโค่นล้ม Nvidia ซึ่งครองตำแหน่งผู้นำในตลาด AI ในขณะนี้ ถือเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับทุกบริษัท เพราะ Nvidia สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันตั้งแต่ช่วงแรก ด้วยการลงทุนอย่างมากในซอฟต์แวร์ AI ซึ่งช่วยปลดล็อกศักยภาพของชิปกราฟิกให้สามารถประมวลผล AI ได้อย่างทรงพลัง
นอกจากนี้ Nvidia ยังรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อย่างเหนียวแน่นด้วยการพัฒนาฮาร์ดแวร์อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับซอฟต์แวร์ CUDA ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันสำหรับชิปของ Nvidia ได้อย่างง่ายดาย
นักลงทุนตั้งความหวัง Nvidia
แม้ว่ารายได้และกำไรของ Nvidia จะเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส หลังจากบริษัทประกาศการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 แม้เป็นการเติบโตต่อเนื่องติดต่อกัน 4 ไตรมาส แต่ก็ยังไม่สามารถดันราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้น แถมยังฉุดราคาหุ้นในการซื้อขายหลังปิดตลาด (After hour) ร่วงลงกว่า 7% เนื่องจากไม่สามารถทลายกำแพงความคาดหวังของนักลงทุนได้ เนื่องจากการวางเดิมพันเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในอนาคตของ AI
Nvidia ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยอัตราการเติบโตของรายได้มากกว่า 200% อย่างต่อเนื่อง ทว่าความสำเร็จที่โดดเด่นนี้กลับกลายเป็น “ดาบสองคม” เนื่องจากตลาดได้ปรับเป้าหมายการเติบโตของบริษัทให้สูงขึ้นอย่างมาก ทำให้การรักษาอัตราการเติบโตในระดับเดิมเป็นเรื่องที่ท้าทายยิ่งขึ้น จนถึงจุดที่การเติบโตในระดับเดิมอาจไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของนักลงทุนอีกต่อไป
ไรอัน ดีทริก หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ Carson Group ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาอยู่ที่ตลาดคาดหวังผลกำไรที่สูงเกินจริง จากผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมของ Nvidia ในอดีตทำให้ตลาดคาดหวังผลกำไรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบริษัทจะทำผลประกอบการได้ดี แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของนักลงทุนได้
“การเติบโตของรายได้ 122% นั้นน่าประทับใจ แต่ไม่เพียงพอที่จะดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นได้ เนื่องจากนักลงทุนตั้งเป้าหมายไว้สูงมากสำหรับไตรมาสนี้"ดีทริก กล่าว