หุ้นสหรัฐร่วงหนัก ตลาดผิดหวังเฟดจะชะลอลดดอกเบี้ยปีหน้า
ดาวโจนส์ดิ่งลง 1,100 จุด ร่วงลง 10 วันติดต่อกันยาวนานสุดนับแต่ปี1974, S&P 500, Nasdaq ดิ่งตามหลังเฟดส่งสัญญาณชะลอลดดอกเบี้ยปีหน้า
ซีเอ็นบีซีรายงาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ร่วงลงอย่างหนักในวันพุธ (18 ธ.ค.) ตามเวลาสหรัฐ โดยดัชนีปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน นักลงทุนผิดหวังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาด การณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเพียง 2 ครั้งในปี 2025
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 1,123.03 จุด หรือ 2.58% สู่ระดับ 42,326.87 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกันเป็นครั้งที่เลวร้าย ที่สุดนับตั้งแต่ร่วงลง 11 วันเมื่อปี 1974 ( 2517) การร่วงลง ของดัชนีในวันพุธถือเป็นการร่วงลงครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ เดือนสิงหาคม และเป็นเพียงครั้งที่สองในปีนี้ที่ดัชนีปรับตัวลด ลง 1,000 จุดภายในวันเดียว
โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลง 2.95% สู่ระดับ 5,872.16 จุด และดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลง 3.56% สู่ระดับ 19,392.69 จุด โดยดัชนี ปรับตัวลดลงมากขึ้นในช่วงปิดตลาด
ธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเงินกู้ข้ามคืนลง 0.25% สู่ระดับเป้าหมาย 4.25- 4.5% ตามที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตาม เฟดส่งสัญญาณในช่วงบ่ายวันพุธว่าจะปรับลด อัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีหน้า 2025 ซึ่งน้อยกว่าการปรับลด 4 ครั้งตามการคาดการณ์ครั้งล่าสุด ประธานเฟด เจอ โรม พาวเวลล์ กล่าวว่าการตัดสินใจของธนาคารกลางในการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทำให้ “ธนาคารกลางมีความระมัดระวังมากขึ้น ในขณะที่เรา พิจารณาการปรับอัตราดอกเบี้ยตามนโยบายของเรา"
ก่อนวันพุธ นักลงทุนต่างหวังว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อในปี 2025 เพื่อกระตุ้นตลาดกระทิงให้ เติบโตต่อไป อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้นตามแนว โน้มที่ระมัดระวังของเฟด ส่งผลให้ราคาหุ้นถูกกดดัน อัตรา ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีทะลุระดับ 4.50%
“สินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นที่มีมูลค่าสูงมากไม่ชอบแนวคิด ที่ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง” เจฟ ฟรีย์ กุนด์ลาช ซีอีโอของบริษัทจัดการกองทุน DoubleLine Capital กล่าว “สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการแถลงข่าวครั้งนั้น คือจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรุนแรง ... และ ตลาดก็ค่อนข้างคล้อยตามไปกับเรื่องนี้”
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ดัชนีปิดตลาดเหนือระดับ 45,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม โดยดัชนีดาวโจนส์ในช่วงนี้ปรับตัวลดลงรวม 6%
“ลาก่อนนะ เฟดไม่มีคริสต์มาสที่น่ายินดี ผู้กำหนดนโยบาย มองว่า เงินเฟ้อสูงขึ้นและอัตราการว่างงานลดลงในปี 2024 ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะต้องผ่อนปรนเมื่อพิจารณาจากแนวโน้ม ดังกล่าว” เดวิด รัสเซล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดระดับโลก
ของบริษัทหลักทรัพย์ TradeStation กล่าว “ตอนนี้การผ่อน ปรนเสร็จสิ้นลงแล้ว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยไม่ได้สูงอย่าง ชัดเจนอีกต่อไป เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะหยุดพัก”
ก่อนที่ดัชนีจะดิ่งลงในวันพุธ การลดลงมากที่สุดของดัชนี ดาวโจนส์ในรอบหลายทศวรรษส่วนใหญ่เกิดจากการที่นัก ลงทุนขายหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจเก่าออก และหันไปลงทุนในหุ้น กลุ่มเทคโนโลยีแทน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ดัชนีดาวโจนส์ของ หุ้น30ตัวให้น้ำหนักน้อยกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีใหญ่ของตลาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดทั้งหมดได้รับผลกระทบในวันพุธ โดย ดัชนี S&P 500 ร่วงลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ส่ง ผลให้การปรับขึ้นในปี 2024นี้ ลดลงเหลือ 23%
หุ้นเทค 7 นางฟ้าร่วง
ราคาหุ้น Broadcom และ หุ้น7 นางฟ้า (Magnificent Seven) ยกเว้น Nvidia เป็นกลุ่มที่ตกต่ำที่สุดในดัชนี Nasdaq Composite โดยมี ส่วนทำให้ดัชนีที่เน้นเทคโนโลยีนี้ลดลง 2.4%
หุ้นของ Broadcom ลดลง 7% ในขณะที่ Tesla ลดลง 8% Microsoft, Meta Platforms และ Alphabet ลดลงประมาณ 2%, Amazon ลดลง 3%, Apple
ลดลงประมาณ 1% หุ้นที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญอื่นๆ ได้แก่ Netflix และ Palo Alto Networks แต่หุ้น Nvidia สวนกระแส โดยเพิ่มขึ้น 0.4%