SCGP - ถูกกระทบจาก lockdown ในจีน (27 ก.ย. 2565)
แม้ว่า spread ของกระดาษคราฟท์ฟื้นตัวขึ้น qoq แต่ราคาถ่านหินที่สูง และอุปสงค์ที่อ่อนแอจากการ lockdown ในจีนยังกดดันผลการดำเนินงานใน 3Q
เราปรับลดประมาณการกำไรปี FY22-24F ลง 12%/14%/7% แต่ใส่สมมติฐานต้นทุนถ่านหินที่สูง และลดอัตราการใช้กำลังการผลิตลง ส่งผลให้ราคาเป้าหมายของเราลดลงเหลือ 54 บาท (จากเดิมที่ 62 บาท) และยังแนะนำ ถือ
แม้ว่า spread จะดีขึ้น แต่อุปสงค์ยังคงอ่อนแอ
ผลการดำเนินงานของ SCGP ใน 3Q มีทั้งส่วนที่ดีคือ spread ของ testliner ดีขึ้น, ผ่อนคลาย lockdown ในจีน และต้นทุนค่าระวางลดลง (-20% qoq) แต่ราคาถ่านหินที่สูงยังกดดัน margin มาตรการ lockdown ในจีนทำให้อุปสงค์อ่อนแอ และอุปทานล้นตลาดเนื่องจากตลาดส่งออกหดลง ทั้งนี้ราคา testliner ลดลงในเดือนก.ค.-ส.ค. เหลือ US$485/t ขณะที่ต้นทุน AOCC ลดลงเหลือ US$220 จากการ lockdown ในจีน ทำให้ spread ของ testliner เพิ่มขึ้นเป็น US$265/t ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. ธุรกิจเยื่อและกระดาษ (fibrous chain) ราคา short fiber เพิ่มขึ้นเป็น US$855 ในเดือนก.ค.-ส.ค. จาก US$813 ใน 2Q เนื่องจากอุปทานตึงตัวจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เพราะรัสเซียเป็นผู้ส่งออกเยื่อกระดาษรายใหญ่ และผู้ซื้อแห่ตุนสต็อก short fiber ทั้งนี้ SCC ใช้ short fiber 75% ภายในกลุ่ม และขายที่เหลืออีก 25% ให้ลูกค้าภายนอก อุปสงค์ได้แรงหนุนจากอุปสงค์ของกระดาษ P&W (จากการที่ผู้คนกลับเข้าไปทำงานในออฟฟิศ) และบรรจุภัณฑ์สำหรับบริการด้านอาหาร
ต้นทุนถ่านหินที่สูงยังคงกดดัน margin
ต้นทุนพลังงานคิดเป็น 10% ของต้นทุน โดย 6ppt จากถ่านหิน และ 4ppt จากพลังงานทางเลือก น้ำมัน และก๊าซ SCGP พยายามลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลง และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกเป็น 40% ของต้นทุนพลังงานภายในปี 2030 จาก 23% ในปัจจุบัน SCGP ยังเริ่มล็อกราคาถ่านหินสำหรับปีหน้า แต่น้อยอยู่จากราคาสูงมาก คาดราคาถ่านหินยังสูงตลอดปี 2023 และจะยังคงกดดัน margin ต่อไป ทั้งนี้ SCGP มีแผนจะขึ้นราคาขายสินค้าอีกหลังจากที่ขึ้นราคาเฉลี่ย 3% ต่อไตรมาสมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปได้ 95% ซึ่งจากปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นทำให้เราคาดว่าผลประกอบการใน 3Q ของ SCGP น่าจะยังอ่อนแอ
คงคำแนะนำ ถือ ปรับลดราคาเป้าหมาย เหลือ 54 บาท (เดิม 62 บาท)
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี FY22-24F ลง 12%/14%/7% จากสมมติฐานต้นทุนถ่านหินที่สูง และปรับลดอัตราการใช้กำลังการผลิตในปี FY22-23F ลงเหลือ 95% เพื่อสะท้อนงอุปสงค์ที่อ่อนแอในระยะสั้น ส่งผลให้ราคาเป้าหมาย DCF ของเราลดลงเหลือ 54 บาท คิดเป็น PE ปี FY22-23F ที่ 33.6x/33.0x และ EV/EBITDA ที่ 14.0x/14.0x ถือเป็นช่วงที่สูงเมื่อเทียบกับหุ้นธุรกิจเดียวกันในตลาดโลก