วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (7 พ.ย. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความไม่แน่นอนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED และความหวังจีนผ่อนคลายมาตราการควบคุมโควิด-19
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
+ ราคาน้ำมันดิบ ปรับเพิ่ม หลังรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ในขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 3.5% สู่ระดับ 3.7% ในเดือน ต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าสภาวะตลาดแรงงานเริ่มผ่อนคลายลง และอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลง
+ ตลาดยังได้แรงหนุน จากข่าวลือการยุติมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดของจีน หลังเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคของจีนกล่าวว่า ในเร็วๆนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกี่ยวกับนโยบายการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน นอกจากนี้ตลาดยังคงกังวลอุปทานตึงตัวจากการที่ยุโรปคว่ำบาตรและจำกัดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย
- Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 4 พ.ย.ปรับเพิ่มขึ้น 3 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 613 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 63 ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับลดลง 1 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 155 แท่น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของอินเดีย อีกทั้งความกังวลว่าการผลิตน้ำมันเบนซินของมาเลเซียอาจหยุดชะงักจากเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นเมื่อเร็วๆนี้
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 สัปดาห์ นอกจากนี้ราคายังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลของยุโรปที่ยังคงแข็งแกร่ง