ขึ้นซื้อน้อยหน่อย ลงซื้อมากหน่อย (9 พ.ย. 2565)

ขึ้นซื้อน้อยหน่อย ลงซื้อมากหน่อย (9 พ.ย. 2565)

ทิศทางเงินทุนไหลเข้าสนับสนุนมุมมองของเราว่า กนง.อาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบหน้า หลังการขายปรับพอร์ต (rebalancing) ในช่วง ต.ค. ทิศทางเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้าลงทุนหุ้นไทยอีกครั้ง

โดยในช่วง 1-8 พ.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 15,776 ล้านบาท และตลาดตราสารหนี้ 79,436 ล้านบาท เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นต่ำกว่า 37 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้การที่ไทยเป็นประเทศที่มีเงินทุนสำรองสูง, ไม่มีปัญหาเรื่องหนี้ต่างประเทศ, มีโมเมนตัมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีในช่วงปี 2565-66 ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วเผชิญความเสี่ยงกับการถดถอย เราเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ไทยและอาเซียนเป็นเป้าหมายของการลงทุนและเงินทุนต่างชาติ ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของ กนง. โดยเราคงมุมมองว่า กนง.จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 30 พ.ย.65
 

BJC อาจนำ BIGC กลับเข้า IPO ในตลท. Bloomberg รายงานอ้างอิงความเห็นแหล่งข่าวว่าอาจมีการนำ BIGC กลับเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) อีกครั้ง โดยมีมูลค่าการระดมทุนที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1.9 หมื่นล้านบาท) ทั้งนี้หากพิจารณาประโยชน์ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ดีลดังกล่าวมีความเป็นไปได้ โดยเรามีมุมมองดังนี้ 1) การระดมทุน น่าจะทำให้สามารถลดภาระหนี้ของ BIGC และจะทำให้หนี้สินต่อทุนของ BJC ลดลงจาก 1.69 เท่า 2) ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยจ่าย จะช่วยหักล้างผลกระทบที่เกิดจากการลดทอนของกำไรจากสัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลง 3) BIGC น่าจะได้เงินลงทุน เพื่อไปขยายสาขาขนาดกลาง-เล็ก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเติบโต // ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวน่าจะส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนในหุ้น BJC ขณะที่การปรับลดเกณฑ์พิจารณาเข้า SET50 โดยปรับลด turnover ลงจาก 5% เหลือ 2% ทำให้มีโอกาสที่หุ้นจะถูกนำเข้าสู่การคำนวณในรอบ 1H66 (ม.ค.-มิ.ย.66)

 


 

รีพับริกันมีโอกาสชนะสภาล่าง เป็นบวกกับจิตวิทยาการลงทุน โดยสถิติ 12 เดือน หลังหลังการเลือกตั้งกลางเทอม ตลาดหุ้นสหรัฐฯมักให้ผลตอบแทนที่ดี เฉลี่ย 20.1% ขณะที่ พรรครีพับริกัน มักมีนโยบายที่เป็นมิตรกับนักลงทุนมากกว่า ทำให้หากพรรครีพับริกันชนะ ตลาดหุ้นมักจะขึ้นมากกว่า โดยมีค่าเฉลี่ยผลตอบแทน 12 เดือน (Republican +17.5% vs Democrat +13.7%) และที่ค่าเฉลี่ย 24 เดือน (Republican +36.3% vs Democrat +22.1%)  ทั้งนี้ ผลการนับคะแนนล่าสุดถึง 9.00 น. (เวลาไทย) จำนวนที่นั่งสภาล่าง รีพับริกัน 65 ตำแหน่ง เดโมแครด 30 ตำแหน่ง (ต้องการ 218 ตำแหน่งเพื่อครองเสียงข้างมาก)

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว แนวต้าน 1,635-1,640 จุด กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง ระยะสั้นกลุ่มที่ลงเยอะ (อาทิ ไฟแนนซ์) มีโอกาสเป็นเป้าหมายเก็งกำไร ส่วนอสังหาริมทรัพย์ ข่าวรัฐบาลถอนร่างขายที่ดินให้ต่างชาติกระทบระยะสั้น แต่เป็นโอกาสซื้อจากงบเข้า high season //หุ้นแนะนำ: BJC*, UV*, TNR*, PTL*

แนวรับ: 1,605-1,614 / แนวต้าน : 1,635-1,640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

เซเลนสกี กลับลำพร้อมเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย – ผู้นำยูเครนส่งสัญญาณความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีจากก่อนหน้านี้ที่เขายืนยันว่าจะไม่มีการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย

Binance บรรลุดีลซื้อกิจการ FTX – Binance ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลก แถลงว่าทางบริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการของ FTX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโท

ไต้หวันเผยยอดส่งออกปรับตัวลดลง แม้ดีมานด์ชิปยังคงแกร่ง - ลดลง 0.5% ในเดือนต.ค. yoy สู่ระดับ 3.993 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ยังคงดีกว่าที่คาดว่าจะหดตัวลง 6% หลังจากที่ลดลงในเดือนก.ย.ที่ 5.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนพุ่งสูงสุดในรอบ 6 เดือน – ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางธุรกิจหลายอย่างต้องหยุดชะงัก มาตรการคุมโควิด-19 ของจีนส่งผลกระทบในทางลบต่อ 12.2% ของ GDPจีน เพิ่มจาก 9.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว

นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแล้ว 7.4 ล้านคน ตั้งแต่ต้นปี – ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-5 พ.ย. 65 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมจำนวน 7,402,768 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 1,337,249 คน รองลงมา อินเดีย 709,008 คน สิงคโปร์ 392,181 คน ลาว 357,071 คน และเวียดนาม 350,486 คน

ครม. เตรียมจ่ายเงินช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาท – โดยจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในวันที่ 15 พ.ย. เพื่อสนับสนุนค่าบริหารจัดการไม่เกิน 20 ไร่ 

JMART เข้าซื้อหุ้น 30% ใน สุกี้ตี๋น้อย - จำนวน 352,941 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด มูลค่าลงทุนรวมไม่เกิน 1,200 ล้านบาท โดยบริษัทจะดำเนินธุรกรรมการลงทุนดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.65

 

ประเด็นติดตาม: 9 พ.ย. – US Crude Oil Inventories / 10 พ.ย. – US CPI / 15 พ.ย. – US PPI / 16 พ.ย. – US Retail Sales / 17 พ.ย. – EU CPI, US Building Permits / 18 พ.ย. –US Existing Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)