การคุมเงินเฟ้อของเฟดกระทบกำไรบจ.สหรัฐฯ แต่กระทบไทยจำกัด
เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 0.50% แต่ส่งสัญญาณลบกว่าคาดเล็กน้อย การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) เราเห็นการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 4.00-4.25% ตามคาด
อย่างไรก็ตามอาจถือได้ว่ามีสัญญาณลบบางอย่างที่มากกว่าตลาดคาดจากมุมมองดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล (Dot plot) ล่าสุด ของปี 2566 ที่ปรับขึ้นไปที่ 5.1% (จากเดิม 4.30%) ก่อนที่ปี 2567 จะลดลงเหลือ 4.1% (จากเดิม 3.00%) ซึ่งเสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะ ทั้งนี้ประธานเฟดได้พูดว่าตลาดแรงงานที่ยังตึงตัว เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
การคุมเงินเฟ้อของเฟดจะยังเป็นปัจจัยกดดันประมาณการกำไรบจ.สหรัฐฯ แต่มีผลจำกัดต่อหุ้นเอเซียและไทย แม้ Dot plot ปี 2566 จะสูงขึ้น และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงเอเชียเช้านี้อาจจะปรับลดลง แต่ปฎิกิริยาโดยรวมของนักลงทุนดูไม่ได้ตกใจอะไรเมื่อประเมินจาก 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปี สหรัฐฯ ค่อนข้างทรงตัว 2) Fed Watch Tool มองว่าเฟดจะตึงดอกเบี้ย (ไม่ปรับขึ้น) ในการประชุมรอบต่อไป 1 ก.พ.66 และ 3) Implied terminal rate ปัจจุบันยังสูงสุดที่ 4.869% ซึ่งโดยรวมแสดงความคาดหวังว่าแม้เฟดจะส่งสัญญาณดูตึงตัว แต่ในทางปฏิบัติ เฟดน่าจะใช้การตรึงดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ โดยเฉพาะค่าเช่าบ้าน ซึ่งการเติบโตของค่าใช้จ่ายดังกล่าวมีความสอดคล้องสูงกับการเติบโตของเงินเดือนและค่าจ้าง ทำให้การดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรบจ.สหรัฐฯ แต่จะมีผลกระทบต่อเอเซียและไทยจำกัด
ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นเข้า FTSE (มีผล 16 ธ.ค.) ได้แก่ TLI และ PLUS 6) มีโอกาสเข้า SET50 ได้แก่ DELTA, RATCH, COM7 / มีโอกาสหลุด SET50 ได้แก่ SAWAD, BLA, KCE 7) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ STP, TNR, DMT, TVDH, KLINIQ, FLOYD
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,614-1,650 จุด กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เน้นกลุ่มหุ้นเปิดเมือง และบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ สอดรับกับการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่อาจจะ peak แล้ว จะบวกต่อการฟื้นของหุ้นปลอดภัย ซึ่งเราชอบทั้งสื่อสาร (บริโภคฟื้น) และไฟฟ้า (เสนอขายไฟฟ้าหมุนเวียนรอบใหม่) //หุ้นแนะนำ: MINT, MAJOR, GUNKUL*, RATCH
แนวรับ: 1,614-1,625 / แนวต้าน : 1,635-1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางคาดการณ์ – พุ่งขึ้น 10.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล
โอเปคคาดอุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 66 – รายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนธ.ค. โอเปคระบุว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.8 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากภาวะผ่อนคลายด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการที่จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ยุโรปเร่งตุนนำเข้าดีเซล ก่อนเริ่มคว่ำบาตรรัสเซียก.พ. 66 - อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทดีเซลทางเรือมากกว่า 16 ล้านบาร์เรลในช่วง 10 วันแรกของเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นอัตราที่อาจทำให้ยอดนำเข้าดีเซลตลอดเดือนธ.ค.สูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ปี 2559
CPF ซื้อหุ้นคืนวงเงิน 5 พันลบ.สิ้นสุด 18 มิ.ย.66 - เนื่องจากระดับราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี (Book value) โดยจะมีวงเงินสูงสุดไม่เกิน 5,000 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็น 2.32% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ราคาซื้อคืนจะไม่เกินกว่า 115% ของราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่ทำรายการซื้อหุ้นคืน
PTT อาจต้องอุ้มทั้งค่าไฟฟ้าและราคา NGV – วันนี้บอร์ดปตท.จะมีการพิจารณาเรื่องการช่วยเหลือรัฐในการสนับสนุนค่าไฟฟ้า 6 พันลบ. และตรึงราคา NGV อีก 2.7 พันลบ. ด้านหลักการไม่จำเป็นต้องผ่านที่ประชุมผู้ถือหุ้น
STARK คว่ำดีลเข้าซื้อ LEONI – การเจรจาเข้าซื้อ LEONI ไม่สำเร็จ ด้าน 12 กองทุนจับตาเงินเพิ่มทุนก้อนใหญ่ 5.6 พันลบ. บริษัทจะดำเนินการต่อไปอย่างไร หลังมีกระแสข่าวว่าอาจนำไปชำระหนี้ 1 ปี แทนการปิดดีล M&A
หุ้น IPO เทรดวันแรก – DTCENT หรือ บมจ. ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ เข้าจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยดำเนินธุรกิจให้บริการระบบติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม (GPS Tracking) ครบวงจร ตั้งแต่ ออกแบบ ผลิต จัดจำหน่าย ให้บริการเช่าอุปกรณ์ รวมถึงพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับบริหารงานขนส่ง ราคา IPO 2.86 บาท
Opportunity Day – 15 ธ.ค. – RCL, CEYE, NDR, HFT, RAM, JDF, FN / 16 ธ.ค. – TPS, THAI, MENA, TM, PRIME, PLUS, STP / 19 ธ.ค. – TAKUNI, KUMWEL, IHL, D, GCAP, HTC, GVREIT
ประเด็นติดตาม: 15 ธ.ค. - ECB Interest Rate Decision, US Retail Sales / 16 ธ.ค. – EU CPI / 20 ธ.ค. – US Building Permits / 21 ธ.ค. – US CB Consumer Confidence, US Existing Home Sales / 22 ธ.ค. – US GDP Q3 / 23 ธ.ค. – Core PCE Price Index, New Home Sales, Core Durable Goods Orders
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)