CKP - El Nio กำลังจะมาปีหน้า (26 ธ.ค. 2565)

1) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และ 2) ความน่าจะเป็นในการเกิดภาวะ El Niño ในปี  2023 เพิ่มมากขึ้น ปรับลดคำแนะนำจากถือเป็นขาย พร้อมปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 4.12 บาท (จากเดิมที่ 5.50 บาท)

 

กระแสน้ำอ่อนแรงลงในเดือนพฤศจิกายน แต่กำไร 4Q ยังอาจโตได้ yoy

กระแสน้ำที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) และกระแสน้ำเข้าเขื่อนน้ำงึม 2 (NN2) ในเดือนพฤศจิกายนลดลง 3% และ 18% yoy ตามลำดับ ถ้าหากเราใช้สมมติฐานว่าการผลิตไฟฟ้าของ XPCL ในเดือนธันวาคมลดลง 15% yoy จากปี FY21 เช่นเดียวกับในเดือนพฤศจิกายน CKP น่าจะมีรายได้ equity income เพิ่มขึ้นเป็น 340 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4Q22F จะเพิ่มขึ้นเป็น 375 ล้านบาทจาก 123 ล้านบาทใน 4Q21 ซึ่ง กำไรที่เพิ่มขึ้น yoy หนุนโดยปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนและการผลิตไฟฟ้าของโครงการ XPCL เดือนตุลาคมที่เพิ่มขึ้น 37% และ 28% yoy ตามลำดับ

 

ได้รับผลกระทบด้านลบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

จากข้อมูลล่าสุด XPCL มียอดหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ 9.80 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 80% ของยอดหนี้ดังกล่าวคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 25 bps จะทำให้ส่วนแบ่งกำไรจาก XPCL ลดลงไป 83 ล้านบาท

 

 

 

 

มีความน่าจะเป็นมากขึ้นที่จะเกิดปรากฏการณ์ El Niño ในปีหน้า

เรามองว่ามีความน่าจะเป็นมากขึ้นที่จะเกิดปรากฏการณ์ El Niño (ฝนตกน้อยกว่าปกติ) ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2023 ทั้งนี้ความน่าจะเป็นมากที่จะเกิดภาวะ El Niño ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน 2023 ยังต่ำอยู่ (มีโอกาสต่ำกว่า 49%) แต่หลังจากนั้นความน่าจะเป็นจะขยับขึ้นมาอยู่ในช่วง 60-66%

 

ปรับคำแนะนำเป็นขาย พร้อมลดราคาเป้าหมายเป็น 4.12 บาท (จาก 5.50 บาท)

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY22F เพิ่มขึ้น 11% เป็น 2.74 พันล้านบาท จากการปรับเพิ่มสมติฐาน capacity factor ของ XPCL ปี 2022 ขึ้นเพื่อสะท้อนปริมาณน้ำและปริมาณการผลิตไฟฟ้าในเดือนตุลาคมที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันเราปรับลดประมาณการกำไรปี FY23F ลง 13% เหลือ 1.93 พันล้านบาท หลังจากที่ 1) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจ่ายของโครงการ XPCL จาก 5.25% เป็น 5.75% และ 2) ปรับลดสมมติฐาน capacity factor ลงเพื่อสะท้อนถึงปริมาณฝนที่คาดว่าจะตกลดลงเพราะปรากฏการณ์ El Niño ในปี 2023 เราจึงปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 4.12 บาท จากเดิมที่ 5.50 บาท และปรับลดคำแนะนำจาก ถือ เป็น ขาย