WHA - ปี 2022 เลิศ, แต่ปี 2023 ท้าทาย (5 มกราคม 2566)

อย่างไรก็ตาม ปีนี้จะท้าทาย เพราะยอดขาย ยอดโอนที่ดิน และกำไรขายสินทรัพย์ให้กองทุนจะลดลง ธุรกิจไฟฟ้าและน้ำอุตสาหกรรมจะฟื้นตัว แต่ไม่สามารถชดเชยได้ เราปรับประมาณการกำไรปี FY22F ขึ้น 9% แต่ปรับประมาณการกำไรปี FY23F ลง 9% ราคาหุ้นปรับขึ้น 38% ในหกเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่กระแสข่าวบวกผ่านช่วงสูงสุดแล้ว เราปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ   

 

การดำเนินงานดีเลิศในปีขาล …

เราคาดยอดขายที่ดินปีที่แล้ว 1,800 ไร่ และยอดโอน 1,686 ไร่ สูงกว่าคาดและทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ปี 2013 จากยอดขายที่ดินให้ BYD (600 ไร่) และยอดโอน (500 ไร่) เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่เลื่อนเซ็นสัญญาเป็นปี 2023 จากปี 2022 เราคาดเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ logistics ใหม่ 1.5-1.6 แสนตร.ม.ใกล้เคียงประมาณการเรา แต่ต่ำกว่าเป้าบริษัทที่ 1.85 แสนตร.ม. เราคาดบริษัทกำไร 1.2-1.3 พันลบ.จากการขายสินทรัพย์ให้กองทุน การเซ็น  PPA โซลาหลังคาคาดได้ตามเป้าของบริษัทที่ 50MW

 

 

…แต่ปีกระต่ายยังท้าทาย

ปี FY23F เราคาดยอดขายที่ดินจะลดลงเหลือ 1,630  ไร่ จากยอดขายในเวียดนาม 430 ไร่เนื่องจากอุปทานเพิ่มขึ้น แต่ยอดขายในไทยจะลดลงเหลือ 1,200 ไร่ WHA อยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดินกับลูกค้าหลายรายรวม 2,500 ไร่ ซึ่งรวมผู้ผลิตรถ EV และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ยอดเซ็นสัญญาเช่า logistics จะทรงตัวที่ 1.5 แสนตร.ม.   ยอดขายสินทรัพย์ให้กองทุนจะลดลง 25% เหลือ 4 พันลบ.   การเติบโตจะขับเคลื่อนโดยการฟื้นตัวของ SPP (Ft ปรับขึ้นและต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลง), COD เพิ่มขึ้นของโซล่าหลังคา, และอุปสงค์น้ำเพิ่มขึ้น แต่กำไรธุรกิจไฟฟ้าและน้ำที่เพิ่มขึ้น จะไม่สามารถชดเชยยอดโอนที่ดินและกำไรขายสินทรัพย์ให้กองทุนที่ลดลงได้

 

ปรับประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายเป็น 4.7 บาท (จาก 4.9 บาท) ปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ

เพื่อสะท้อนการเลื่อนโอนที่ดินของ BYD เป็นปี FY22F จากปี FY23F และการขายสินทรัพย์ให้กองทุนลดลงปีนี้ เราปรับเพิ่มกำไรธุรกิจหลักปี FY22F ขึ้น 9% เป็น 3.6 พันลบ. แต่ปรับกำไรปี FY23F ลง 9% เป็น 3.2 พันลบ. WHAUP (WHA ถือหุ้น 72%) ยังไม่มีแผนจะขายหุ้น Duong River กลับให้ผู้ถือหุ้นเดิมเร็วๆ นี้ แม้ว่าจะชนะคดีก็ตาม จึงจะยังไม่มีการบันทึกกำไรพิเศษ (400 ลบ.รายได้ดอกเบี้ยตามสัดส่วนการถือหุ้น WHA) เร็วๆ นี้  ราคาหุ้น WHA ปรับขึ้นถึง 38% ในหกเดือนที่ผ่านมา สูงกว่ากลุ่มอสังหาฯ 20% และ SET 30% ในขณะที่กระแสข่าวบวกน่าจะผ่านช่วงสูงสุดแล้ว ราคาหุ้นจึงไม่น่าจะปรับขึ้นในระยะสั้น