ออกข้าง หุ้นรายงานพิเศษ TNP (16 ม.ค. 2566)
วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นในช่วงแรก แต่มีแรงขาย พร้อมวอลุ่ม กดดันดัชนี ลบต่ำสุดถึง 14 จุด โดยมีแรงซื้อกลับในช่วงบ่าย ทำให้ดัชนีลดช่วงลบ แรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มการเงิน
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,681.73 จุด -5.72 จุด -0.34% มูลค่าการซื้อขาย 87,660 ลบ. ต่างชาติ +517.46 ลบ. TFEX -5,471 สัญญา ตราสารหนี้ +3,835.51 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด เพิ่มขึ้น 112.64 จุด หรือ +0.33% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 2% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นหลังจากเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส 4Q65 ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ +1.9% ปิดที่ 79.86 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 8.4% ในรอบสัปดาห์ โดยปรับตัวขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และมีสัญญาณบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่
+ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 64.6 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2565 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 60.7 หลังจากแตะระดับ 59.7 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย
+ จีนกลับมาเปิดบริการรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมโยงระหว่างจีน-ฮ่องกงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจีนยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับนักเดินทางขาเข้าไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
ปัจจัยลบ
- วารสารเนเจอร์ เมดิซีนเปิดเผยข้อมูลการศึกษาว่า ประชากรเกือบทั้งหมดจาก 22 ล้านคนในกรุงปักกิ่งจะติดเชื้อโควิด-19 ภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์โรคระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในจีน โดยประชากรราว 92% ในกรุงปักกิ่งจะติดเชื้อโควิด-19 ภายในสิ้นเดือนม.ค. ขณะที่ 76% ติดเชื้อไปแล้วภายในวันที่ 22 ธ.ค.
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่าธนาคารกำลังเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยในปี 2566 ซึ่งรวมถึงกรณีที่อัตราว่างงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
- รัสเซียเปิดฉากยิงขีปนาวุธถล่มทั่วยูเครนรอบใหม่ในวันเสาร์ (14 ม.ค.) โดยขีปนาวุธที่ตกใส่อะพาร์ตเมนต์ในเมืองดนิโปร (Dnipro) ทางภาคตะวันออกของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนติดตามการประกาศผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มทยอยประกาศออกมา ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,673-1,690 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• การท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่องและจีนเปิดประเทศ : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
• หุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ : GPSC BGRIM RATCH
• หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
• หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BBL COM7 CPALL
หุ้นรายงานพิเศษ
TNP – “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 5.75 บาท
“คาดผลประกอบการปี 2566 โตต่อเนื่อง 15% ตามแผนการขยายสาขาใหม่ 5-6 แห่ง
•เราคาดรายได้งวด 4Q65 ราว 646 ลบ. -6%YoY +4%QoQ หดตัว YoY เนื่องจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่สนับสนุนวงเงินต่อคนน้อยลงจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม รายได้รวมหดตัวลงไม่มาก เนื่องจากแผนการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดย ณ ปลาย ธ.ค.65 มีสาขาทั้งสิ้น 43 แห่ง (+5 สาขา YoY +2 สาขา QoQ) ขณะที่ รายได้ยังคงเติบโต QoQ จากการเข้าสู่ช่วง High Season ประกอบกับเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้คาดกำไร 4Q65 ราว 38.6 ลบ. -28%YoY +4%QoQ และคาดกำไรทั้งปี 65 ราว 145.7 ลบ. -24%YoY ทั้งนี้งวด 9M65 กำไร 107.1 ลบ. คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรปี 65
•เราคาดการณ์รายได้และกำไรปี 66 ราว 2,742 ลบ. +14% และ 168 ลบ. +15% ตามลำดับ มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนตามแผนขยายสาขาใหม่อีก 6 สาขา สู่ทั้งหมด 49 สาขา ณ สิ้นปี 66 ประกอบกับช่วง 1Q65 คาดบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการปรับวงเงินสนับสนุนในบัตรสวัสดิการฯ เพิ่มอีก 200 บาท เป็น 400-500 บาท ใช้จ่ายภายในช่วงเดือน ม.ค.66 ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการปี 66 ยังไม่ได้รวมอัพไซต์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเติม
•ความเห็น คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเหมาะสมปี 66 ราว 5.75 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PER เพียง 20.8x ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ระดับ 35.2x โดยราคาเป้าหมายมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน 38% และจ่ายปันผลในอัตราราว 2% ต่อปี ส่งผลให้เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) CK (Bloomberg consensus 28.00 บาท) รถไฟฟ้าสายสีส้มฉลุย ผ่านด่านสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ส่งคืนบอร์ด รฟม. พิจารณาก่อนส่งคมนาคม เสนอ ครม. เพื่อเซ็นสัญญา คาดจบไตรมาส 1 ด้าน CK ประกาศพร้อมเร่งรัดงานจัดหาขบวนรถไฟฟ้าสายสีส้มทันทีที่ลงนามสัญญา มั่นใจแรงงานเพียงพอรับงานขนาดใหญ่หลายโครงการพร้อมกัน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) THCOM (Bloomberg consensus 13.80 บาท) ตามนัดคว้า 2 วงโคจรดาวเทียม ทั้ง 119.5E และ 78.5E จ่ายเงินไม่ถึง 800 ล้านบาท ใช้เวลาประมูลแค่ 1 ชั่วโมง 36 นาที ส่วน NT ได้วงโคจร 126E สมใจ ขณะที่ชุดที่ 1 และชุดที่ 5 ไร้คนสนใจ (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น การชนะประมูลใบอนุญาตวงโคจรดาวเทียมจะช่วยให้ THCOM มีรายได้จากธุรกิจเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมในระยะยาว อย่างไรก็ตามราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนสูงกว่าราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus เราจึงแนะนำเพียง “เก็งกำไร”
(+) CHO (Bloomberg consensus - บาท) ตั้งเป้าปีนี้รายได้พุ่ง 1,000-1,500 ล้านบาท คาดพลิกมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เหตุบันทึกกำไรลงทุน SPAC กอง 1 กว่า 800 ล้านบาท และ บุ๊กส่วนแบ่งกำกระแสเงินสดเพิ่ม-ลดหนี้ แก้ปัญหาสภาพคล่อง (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) TSR (Bloomberg consensus 4.30 บาท) บอร์ด ไฟเขียวเข้าลงทุน “คอนเนคซ์เทค” 51% เพื่อรุกธุรกิจแพลตฟอร์มระบบสัญญาณกันขโมย พร้อมอนุมัติเพิ่มทุน "เธียรสุรัตน์ ลีสซิ่ง" เป็น 500 ล้านบาท สนับสนุนอนาคตเติบโตก้าวกระโดด นอกจากนี้ปรับโครงสร้างบริหารงาน ดึง "ชูเกียรติ รุจนพรพจี" นั่งกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร และแต่งตั้ง "วรานนท์ คงปฏิมากร" เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผลวันที่ 12 ม.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)