KBANK - NIM ดีจะช่วยบรรเทา credit cost ที่สูง

KBANK - NIM ดีจะช่วยบรรเทา credit cost ที่สูง

Credit cost มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในปี FY23 หลังผู้บริหารจะยังคงใช้กลยุทธ์การบริหาร NPL เชิงรุกต่อไป อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าแรงส่งจาก NIM ที่แข็งแกร่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจาก credit cost ที่สูง

ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในปีที่จะหนุนให้กำไรมีการดีดตัวขึ้นได้แรงในปี 2023 ดังนั้นเราปรับสมมติฐานแล้วให้คำแนะนำ ซื้อ KBANK โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 180 บาท จากผลประกอบการที่จะดีดตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำ และ upside ของราคาหุ้น

                                       

ผลประกอบการอ่อนแอ และต่ำกว่าที่คาดไว้

ผลประกอบการของ KBANK ใน FY22 โดยรวมอ่อนแอกว่าเป้าหมาย โดยสินเชื่อขยายตัวเพียง 3% ซึ่งต่ำกว่าช่วงเป้าหมายที่ 6-8% ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง 7% จากเป้าที่คาดว่าจะทรงตัว และ credit cost พุ่งสูงขึ้นจาก 173bpsเป็น 211bps ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ <160bps อย่างมาก ทั้งนี้ ผู้บริหารเผยว่าพอร์ตสินเชื่อที่โตต่ำในปีที่แล้วเป็นเพราะพอร์ตสินเชื่อจดจำนองหดตัวลง และมีการใช้กลยุทธ์การจัดการ NPL เชิงรุก ในขณะที่ Non-NII ก็ออกมาต่ำเกินคาดเพราะค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารกองทุนรวม และธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ลดลง แต่ที่สำคัญที่สุดคือเรื่อง credit cost ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 173bps ในปี 2021 เป็น 211bps ซึ่งนอกจากจะสูงกว่าเป้าที่ <160bps แล้วยังสูงกว่า 205bps ในปี 2020 ตอนที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกแรก ดังนั้น credit cost ที่สูงจึงฉุดให้กำไรในปี FY22 ลดลง 6% yoy และทำให้ KBANK เป็นธนาคารใหญ่เพียงแห่งเดียวในบรรดาธนาคารใหญ่ของไทยที่กำไรสุทธิลดลงในปีที่แล้ว

 

 

ใช้กลยุทธ์การจัดการ NPL เชิงรุกต่อ

หลังจากที่ผลการดำเนินงานออกมาอ่อนแอในปี 2022 ผู้บริหารมองแนวโน้มของ KBANK จะดูดีขึ้นในปี 2023 โดยผู้บริหารได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวของ GDP ไทยในปี 2023 จาก 3.2% เป็น 3.7% เนื่องจากภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวได้มากขึ้น และคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกสองครั้งจาก 1.25% เป็น 1.75% ภายในสิ้นปี 2023 ทั้งนี้ ผู้บริหารยังไม่ได้เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินปี FY23 ซึ่งกำหนดจะประกาศในวันที่ 27 มกราคม 2023 แต่ส่งสัญญาณว่า credit cost อาจจะยังสูงอยู่ในช่วง 160-210bps เพราะ KBANK จะยังเดินหน้าใช้กลยุทธ์การจัดการ NPL เชิงรุกต่อไปในปี 2023 แต่ถึงแม้ว่าจะ credit cost ที่สูงจะถือเป็นข่าวลบ แต่ยังมีข่าวบวกจากการที่ผู้บริหารคาดว่า credit cost ในปี FY22 เป็นระดับ peak ของวัฏจักรรอบนี้แล้วและเชื่อว่า credit cost ในระยะยาวจะกลับมาเป็นปกติที่ประมาณ 140-160bps แต่อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในปี 2023

 

NIM ที่แข็งแกร่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจาก credit cost

เราปรับสมมติฐานและปรับประมาณการกำไรเล็กน้อย โดยเราคาดว่าผลประกอบการที่อ่อนแอของ KBANK ในปี 2022 จะปูทางให้กำไรฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2023 เราคาดว่ากำไรสุทธิของ KBANK ในปี FY23 จะโตถึง 35% จากพอร์ตสินเชื่อที่ขายาตัวและ NIM ที่เพิ่มขึ้นรวมถึง credit cost ที่แม้จะยังอยู่ในระดับสูงแต่จะลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อร อย่างไรก็ดี แต่เราประเมินแรงส่งจาก NIM น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบได้ หลังจากปรับสมมติฐานแล้วเราคงคำแนะนำซื้อ KBANK ประเมินราคาเป้าหมายที่ 180 บาท เนื่องจากคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวขึ้นแรกจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว และราคาหุ้นมี upside ให้ลงทุน อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าการฟื้นตัวของราคาหุ้นอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหลังจากที่ผลประกอบการออกมาน่าผิดหวัง และประเด็นความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK