ปฏิกิริยาของหุ้นสหรัฐฯ เป็นบวก และสนับสนุนมุมมองอย่ามองตลาดแย่เกินไป
ตลาดรับรู้การชะลอตัวทางเศรษฐกิจไปมากแล้ว จนทำให้ในระยะสั้นมีโอกาสที่หลายอย่างจะดีกว่าคาด สัญญาณที่เราเห็นได้แก่ 1) ปฎิกิริยาของหุ้นสหรัฐฯ ที่ S&P500 และ Nasdaq เปิดลบแรง แต่กลับมาปิดเกือบบวก
ทั้งนี้ การปรับประมาณการกำไรลงมาล่วงหน้า ทำให้การรายงานกำไรของบจ. ไม่ได้สร้างความตกใจให้นักลงทุน 2) สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในยุโรปเริ่มมีโอกาสดีกว่าคาด หลังราคาพลังงานลดลง ขณะที่อากาศหนาวไม่รุนแรง ทำให้การถดถอยที่เกิดขึ้นจะตื้น หรือมีผลกระทบน้อยกว่าที่เคยมีการประเมินกันไว้ 3) การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่น่าจะใกล้ถึงจุดสูงสุด ขณะที่เอเชีย ยังอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อปิดส่วนต่าง สถานการณ์ดังกล่าว่าจะเป็นภาวะเหมาะสม (Goldilock) สำหรับการลงทุน และเงินทุนเข้าเอเซียรวมถึงตลาดเกิดใหม่ไประยะหนึ่ง
กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทั้งปีคาดปรับขึ้น 2-3 ครั้ง กนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% โดยประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน โดยการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยขับเคลื่อนการจ้างงานและรายได้ของภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีจำนวนมาก ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มชะลอลงในปีนี้ แต่จะฟื้นตัวในปี 2567 ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2566 ก่อนจะปรับดีขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงด้านต่ำลดลง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจหลักรวมถึงจีนที่ปรับดีขึ้น
กกพ.ประกาศผลชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ผ่านเกณฑ์คะขั้นต่ำ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นของเรา ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีโครงการผ่านเกณฑ์การประกาศรอบนี้โดยคร่าวๆ ได้แก่ GUNKUL 21 โครงการ, TSE 18 โครงการ, EGCO 7 โครงการ, UAC 5 โครงการ, BANPU 3 โครงการ, WHA 3 โครงการ, EPCO 3 โครงการ, QTC 2 โครงการ, DEMCO 2 โครงการ สำหรับ GULF และ EA ที่อาจประมูลด้วยบริษัทย่อยหรือพาร์ทเนอร์ที่ไม่ได้ใช้ชื่อที่แสดงถึงกลุ่มบริษัทอย่างชัดเจน อาจต้องรอการยืนยันจำนวนจากทางบริษัทดังกล่าวอีกครั้ง ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไป กกพ.จะประกาศโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ขายไฟ 25 มี.ค.66
ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR
ภาพรวมกลยุทธ์: บรรยากาศการซื้อขายในเอเชียมีแนวโน้มคึกคักขึ้นหลังหลายทยอยกลับมาเปิดการซื้อขายหลังหยุดตรุษจีน การเก็งกำไรระยะสั้นเน้นหุ้นที่ยัง Laggard และเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย รวมถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่จะลดลง //หุ้นแนะนำ: BJC*, AEONTS*, GUNKUL*, MAJOR
แนวรับ: 1,673 / แนวต้าน : 1,688-1,694 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางคาดการณ์ - เพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
Ifo เผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค. – ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 90.2 ในเดือนม.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ จากระดับ 88.6 ในเดือนธ.ค.
รัสเซียเตือนเยอรมนีล้ำเส้น หลังอนุมัติส่งรถถัง Leopard 2 ให้ยูเครน - เยอรมนีได้ตัดสินใจส่งรถถัง Leopard 2 ให้แก่ยูเครน หลังจากที่แสดงความลังเลก่อนหน้านี้ โดยวิตกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะสร้างความไม่พอใจต่อรัสเซีย และจะยกระดับความรุนแรงในการทำสงครามกับยูเครน
สหรัฐไฟเขียวส่งรถถัง M1A1 Abrams ให้ยูเครนตามคาด – เตรียมจัดส่งรถถัง M1A1 Abrams จำนวน 31 คันให้แก่ยูเครน หลังจากที่เยอรมนีได้อนุมัติการส่งรถถัง Leopard 2
โบอิ้ง เผยขาดทุนหนักในไตรมาส 4/65 – EPS ขาดทุน 1.75 ดอลลาร์/หุ้น vs consensus กำไร 0.26 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
JKN อาจทบทวนแผนเพิ่มทุน 3,000 ล้านบาท – คาดชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ หากยกเลิก บริษัทคาดไม่กระทบสภาพคล่อง ขณะที่ยังจำเป็นต้องออกหุ้นกู้แปลงสภาพ AO ตามสัญญาอีก 940 ลบ. นอกจากนี้ คาดธุรกิจ Miss Universe ถึงจุดคุ้มทุนหลังขายสิทธิ์ 3 ประเทศ รับเงินสด 1,200 ลบ.
ประเด็นติดตาม: 26 ม.ค. – US GDP Q4, US New Home Sales / 27 ม.ค. – US Core PCE Price Index, US Pending Home Sales / 31 ม.ค. - CB Consumer Confidence
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)