Sideways Trading ระยะสั้น BJC PSL AAV (26 ม.ค. 2566)
คาดดัชนีฯ Sideways แนวรับ 1,672/1,660 จุด แนวต้าน 1,690/1,700 จุด ทางเทคนิค ตลาดยังคงแกว่งตัวในกรอบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาผลักดันตลาดและกังวลต่อการกลับมาขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ
(ขายเป็นวันที่ 3 ในรอบ 4 วันทำการ) หลังจากบจ.ไทยส่วนใหญ่รายงานกำไรต่ำกว่าคาด (ธนาคารขนาดใหญ่, SCGP, SCC) ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะ US 4Q22E GDP (อาจมี Positive Surprise) เชิงกลยุทธ์ยังคงแนะนำ Trading ระยะสั้น โดยเน้นหุ้นที่มีประเด็น เชิงบวกเฉพาะตัว ซึ่งทำให้ราคาหุ้นมีโอกาส Outperform ตลาดหุ้นแนะนำ BJC PSL AAV
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ
+ KTX Big Cap Portfolio: AWC BGRIM CENTEL BH BEM CPALL AOT BBL HANA CPN TTB BDMS PLANB SABUY
+ Daily Recommendations: BJC (แนวรับ 36.50/36.00 บาท แนวต้าน 39.25/40.75 บาท) PSL (แนวรับ 15.50/15.10 บาท แนวต้าน 16.50/17.00 บาท) AAV (แนวรับ 3.00/2.90 บาท แนวต้าน 3.20/3.30 บาท)
+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า: กลุ่มนำเข้า (COM7 TOA SYNEX) กลุ่ม หนี้ต่างประเทศสูง สายการบิน (AAV) โรงไฟฟ้า (GPSC GULF BGRIM)
+ หุ้น 4Q22E Earnings Play: SINGER EPG PTG NEX ESSO BAFS JMT THANI SNNP M PRINC EKH MFEC HUMAN PLANB PTTGC IMPACT SA SC ORI JWD FSMART PJW IIG
ปัจจัยบวก
+ US/4Q22E GDP: เราคาดการประกาศ 4Q22E GDP ในคืนนี้ จะมี Upside Risks อิงเฟด สาขาแอตแลนต้า ประมาณการการเติบโต 4Q22E GDP +3.5% QoQ สูงกว่าคาดการณ์ของ Consensus ที่ 2.0-2.6% QoQ อย่าไรก็ดี โมเมนตัมบวกคาดว่าจะมีจำกัด เนื่องจากตลาดยังคงให้ความเสี่ยงที่ US จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023E โดย Bloomberg Consensus คาดว่า 2Q23E GDP มีโอกาสเติบโต -0.6% QoQ ขณะที่ 1Q23E และ 3Q23E GDP เติบโต 0% QoQ โดยความเสี่ยงของการเกิด Soft/Hard Landing จะขึ้นอยู่กับนโยบายดอกเบี้ยเฟดในอนาคต
ปัจจัยลบ:
- Fund flows: นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 ในรอบ 4 วันทำการ (4 วันที่ผ่านมา ขายสะสมสุทธิ -3,976 ล้านบาท) และยังมีโอกาสขายสุทธิเพิ่มขึ้น หากค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่ารอบใหม่
ประเด็นสำคัญ
- US: Earnings Results: INTEL DOW VISA Mastercard American Airlines;รายงาน 4Q22E GDP Growth คาด 2.0-2.6% QoQ (Vs 3Q22 +3.2% QoQ); Durable Goods เดือน ธ.ค. คาด +2.5% MoM (Vs เดือน พ.ย. -2.1% MoM), New Home Sales เดือน ธ.ค. คาด -2% MoM (Vs เดือน พ.ย. +5.8% MoM); Weekly Initial Jobless Claims คาด 205k (Vs สัปดาห์ก่อน 190k)
- วันหยุดเทศกาลตรุษจีน: ตลาดหุ้นจีน ปิดทำการจนถึงวันที่ 27 ม.ค.
Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบเล็กน้อย: การกังวลต่อแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1,678.71-1,687.51 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,682.11 จุด -0.83 จุด วอลุ่ม 5.7 หมื่นล้านบาท (MASTER หุ้นเข้าใหม่ซื้อขายสูงถึง 9.1 พันล้านบาท) นำลงโดยกลุ่มบรรจุภัณฑ์ -2.19% เงินทุนและหลักทรัพย์ -1.65% การแพทย์ -1.16% และนำขึ้นโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +0.96% บริการรับเหมาก่อสร้าง +0.61% หุ้นบวก >4% MASTER STA STI SKY TEAMG DITTO PLUS SISB DTCENT หุ้นลบ >4% COM7 JMT THANI ADD RBF PK SAF TSR
+/ - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละส่วนหุ้นยุโรปปิดลบ: DJIA +0.03% S&P500 -0.02% NASDAQ -0.18% หุ้น 5 ใน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมที่คำนวณดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำลงโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคฯ ปิดลบ หลังจากบจ.ขนาดใหญ่ เช่น Microsoft และ AT&T รายงานกำไรต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดให้กังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ CAC40 -0.09% DAX -0.08% FTSE -0.16% นำลบโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มอุตสาหกรรม
+/ - ราคาน้ำมันดิบปิดคละส่วนทองคำปิดบวก: WTI +2 เซนต์ ปิดที่ USD80.15/บาร์เรล Brent -1 เซนต์ ปิดที่ USD86.12/บำร์เรล ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขาย หลังจาก EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพียง 5 แสนบาร์เรล (ต่ำกว่าคาดที่ 9.7 แสนบาร์เรล) ก่อนถูกขายทำกำไร จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากตัวเลข PMI ทั้งภาคการผลิตและบริการยังอยู่ในระดับหดตัว ส่วนราคาทองคำปิดบวก +USD7.20 ปิดที่ USD1,942.60/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของ USD ลดลง -0.27% แตะ 101.64 และคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ประเด็นสำคัญ
+/- US: Fed Atlanta เผยประมาณการตัวเลข 4Q22E GDP ณ วันที่ 20 ม.ค. เติบโตสูงถึง 3.5% QoQ ซึ่งถือว่าดีกว่ามากเมื่อเทียบกับ Bloomberg Consensus ณ วันที่ 23 ม.ค. คาด +2% QoQ (Trading Economic คาด 2.6% QoQ) อย่างไรก็ดี โมเมนตัมบวกคาดจะมีจำกัด เนื่องจากตลาดยังคงให้ความเสี่ยงที่ US จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023E โดย Bloomberg Consensus คาด 2Q23E GDP มีโอกาสเติบโต -0.6% QoQ ขณะที่ 1Q23E และ 3Q23E GDP เติบโต 0% QoQ (Bank of America ML คาด 1Q-3Q23 GDP เติบโต -0.25% QoQ, -0.5% QoQ, -0.375% QoQ ตามลำดับ เป็น Recession แบบ soft landing) โดยความเสี่ยงของการเกิด Soft/Hard Landing จะขึ้นอยู่กับนโยบายดอกเบี้ยเฟดในอนาคต
+/- Thailand: ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที คณะกรรมการฯ เห็นว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
- Japan: รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดประมาณการเศรษฐกิจรายเดือนลงเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน ในเดือนนี้ เนื่องจากการค้าทรุดตัวลง จากผลพวงของภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
+ UK: สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยผลผลิตของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI Output) ลดลง -0.8% ในเดือน ธ.ค. จากเดือน พ.ย. ส่วนปัจจัยการผลิตของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI Input) ของเดือน ธ.ค. ลดลง -1.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน โดยตัวเลขทั้งสองต่ำกว่านักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า PPI Output เดือน ธ.ค. จะเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน และ PPI Input เดือน ธ.ค. จะลดลง 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)
หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: CRC CPN AOT
หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BJC PSL AAV
Derivatives: แนะเปิด Long S50H23 เมื่ออ่อนตัวใกล้ 1,000 จุด