วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (10 ก.พ. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังตลาดคลายกังวลอุปทานตึงตัวจากแผ่นดินไหว ขณะที่ปริมาณน้ำมันคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลงกว่า 1% หลังตลาดคลายกังวลอุปทานตึงตัว จากเหตุแผ่นดินไหวตุรกีและซีเรียกระทบท่อการขนส่งน้ำมันจากอิรักและอาเซอร์ไบจาน โดยล่าสุดการขนส่งจากอิรักกลับมาดำเนินการได้ตามปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม BP Azerbaijan ซึ่งประกาศเหตุสุดวิสัยเพื่อระงับการส่งมอบน้ำมันดิบ Azeri เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา แจ้งล่าสุดว่าการขนส่งคาดจะยังไม่กลับมาปกติจนกว่าจะสัปดาห์หน้า
+ อุปสงค์จากจีน มีแนวโน้มเพิ่มตัวขึ้นหลังการเปิดประเทศจีน โดย ANZ คาดว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในจีนจะเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยจะเริ่มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 และคาดการณ์ว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงของทั้งโลกเพิ่มขึ้นกว่า 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงจับตามองท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่คาดว่าจะยังคงปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีก
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 455.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 64
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านบาร์เรลอย่างไรก็ดี ราคายังคงได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในมาเลเซียที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลของจีนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. ขณะที่ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านบาร์เรล