นักลงทุนรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ
ตลาดยังไร้ปัจจัยผลักดันที่ชัดเจน ทำให้น้ำหนักยังอยู่กับงบรายตัว ตลาดกลับมากังวลดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังตัวเลขการจ้างงานสัปดาห์ก่อนออกมาดี
ขณะที่วันศุกร์ที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ. ไต่ระดับดีขึ้นเป็น 66.4 (จากคาดการณ์ 65.0 และดีกว่า ม.ค.ที่ 64.9) ล่าสุดตลาดให้น้ำหนักกับตัวเลขเงินเฟ้อ ม.ค. ที่จะประกาศ 14 ก.พ.นี้ โดยตลาดคาดการณ์เงินเฟ้อเทียบรายเดือน (MoM) ของม.ค.อาจขยับเพิ่มขึ้น +0.50% หลังจากธ.ค. -0.1% (ขณะที่เงินเฟ้อเทียบปี YoY ยังมีแนวโน้มเพิ่มในอัตราชะลอ ม.ค. +6.2% จาก ธ.ค. +6.5%) เรามองสาเหตุที่ตลาดกังวลปัจจัยดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เนื่องจากทิศทางของประมาณการกำไรบจ.สหรัฐฯ ที่ปรับลดลง ทำให้ในระยะสั้นนักลงทุนจะเพิ่มความกังวลกับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่เฟดจะปรับขึ้น
ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ได้แก่ 1) ข่าวว่ารัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 500,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน มี.ค. คิดเป็น 5% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 2) การเปิดประเทศของจีน ทำให้ความต้องการน้ำมัน 3) ตุรกีสั่งปิดท่าเรือเจย์ฮันหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ท่าเรือดังกล่าวส่งออกน้ำมันดิบมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. (1% ของปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก) และส่วนใหญ่มีการส่งไปยังโรงกลั่นน้ำมันในยุโรป
DTAC และ TRUE ซื้อขายวันสุดท้าย 17 ก.พ. มีผลดังนี้ – 1) หุ้น DTAC-TRUE จะทำการระงับการซื้อขาย 9 วันทำการ (20 ก.พ.-2 มี.ค. 66) โดยหุ้นใหม่ (บริษัทที่เกิดจากการควบรวม) ที่เข้าซื้อขายจะใช้ชื่อ “TRUE” ซึ่งหากอิงจากราคาปิดของ DTAC และ TRUE ราคาหุ้นใหม่ที่จะเข้ามาทำการซื้อขาย จะอยู่ที่ประมาณ 8 บาท 2) DW อ้างอิง DTAC และ TRUE จะมีการปรับวันหมดอายุของ DW ทุกตัวที่อายุยาว ให้หมดอายุไม่เกิน 17 ก.พ. ซึ่งจะทำให้วันซื้อขายสุดท้าย คือ (last trade date) 14 ก.พ.66
ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON, ASW, S, CBG, AEONTS, SAMART, SDC 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR
ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดอาจจะผันผวนจากการปรับพอร์ตของต่างชาติและการรายงานงบรายตัวในระยะสั้น การเก็งกำไรระยะสั้นเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ กลุ่มเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย, ค้าปลีก (ที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวกลับมา), ปิโตรเคมี, การเงิน, โภคภัณฑ์ (เฉพาะเหล็กและน้ำตาล) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, SAMART, SDC เป็นต้น //หุ้นแนะนำ: BJC*, FLOYD*, ASW*, SAMART*
แนวรับ: 1,650-1,658 / แนวต้าน : 1,670 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
Chevron ขายทรัพย์สินให้บริษัทแคนาดา ออกจากธุรกิจในเมียนมา –ให้กับบริษัทเอ็มทีไอ (MTI) ของแคนาดา ทำให้เชฟรอนสามารถถอนตัวออกจากเมียนมา
อาเซียน-จีน เดินหน้าเจรจาอัปเกรด FTA คาดสรุปผลในปี 67 – ประชุมความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ (Special ACFTA-JC) ครั้งที่ 3 ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการเจรจาครั้งแรก ภายหลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและจีน ครั้งที่ 25 ได้ประกาศเริ่มเจรจาเมื่อปลายปี 2565
พาณิชย์ วางแผนผลักดันส่งออกปีนี้โต 1-2% –จากปี 65 คิดเป็นมูลค่า 289,937-292,808 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 10-10.1 ล้านล้านบาท โดยแต่ละเดือนต้องมีมูลค่าส่งออกเฉลี่ย 24,161-24,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คำนวณจากค่าเงินบาทที่ 34.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ยาสูบเตรียมให้เช่าที่ดินกว่า 2 พันไร่ ทดแทนรายได้หลังยอดขายบุหรี่ – การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่าจากผลกระทบยอดจำหน่ายที่ลดลง ยสท. จึงได้มีการนำทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์มาจัดหาประโยชน์ อีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้เพิ่มอย่างยั่งยืน
THCOM ลงทุน 1.5 หมื่นล้าน รองรับดาวเทียม 3 ดวงใหม่ – บอร์ด THCOM อนุมัติงบ 1.5 หมื่นล้านบาท รองรับดาวเทียม 3 ดวงใหม่ ใหญ่กว่าไทยคม 4 กว่า 3 เท่า ประเมินรายได้สูง 1.8 หมื่นล้านบาทต่อปี เริ่มยิง 2 ดวงแรกปลายปี 67
MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี - มีผล (Effective) สิ้นวัน 28 ก.พ. นี้ // MSCI Global Standard (+) เข้า : BANPU / (-) ออก : ไม่มี // MSCI Global Small Cap (+) เข้า : AURA, BTG, ONEE, SNNP, THCOM / (-) ออก : BANPU, COM7, TIDLOR, TISCO
ประเด็นติดตาม: 14 ก.พ. – US CPI / 15 ก.พ. – EU Core Retail Sales, US Retail Sales / 16 ก.พ. – US Building Permits, US PPI / 20 ก.พ. – TH GDP Q4 / 21 ก.พ. – US Existing Home Sales
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)