วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (9 มี.ค. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังตลาดกังวล FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าที่คาด
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ย้ำในการประชุมในวันที่ 2 ว่าอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ซึ่งสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับที่ 0.25% ในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้ ทำให้ตลาดกังวลว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะถดถอย รวมถึงกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
- ธนาคาร Barclays ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เทกซัสในปีนี้ โดยลดลงจากเดิมมาอยู่ที่ระดับ 92 ดอลลาร์/บาร์เรล และ 87 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบรัสเซียลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม มองว่าอุปทานมีแนวโน้มตึงตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลัง หลังความต้องการใช้น้ำมันในจีนฟื้นตัว ท่ามกลางการเพิ่มการผลิตน้ำมันของประเทศนอกกลุ่มโอเปคที่ชะลอตัว
+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 มี.ค. 66 ปรับลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 478.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้น 4 แสนบาร์เรล โดยเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นก่อนเข้าสู่เทศกาลรอมฎอน และอุปทานที่มีแนวโน้มตึงตัวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นหลายแห่งในภูมิภาคช่วงกลางเดือน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลที่ปรับลดลงในเวียดนาม รวมทั้งตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสกุลเงินดองที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์