วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (10 มี.ค. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง จากความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ สู่ระดับ 211,000 อย่างไรก็ตาม ที่ระดับดังกล่าวยังถือว่าตลาดแรงงานยังตึงตัว และอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นเพื่อสะกัดปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชะลอตัวและความต้องการใช้น้ำมัน
-/+ การซื้อขายตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เร่งปรับอัตราดอกเบี้ย ตามที่นายเจอโรม พาวเวล ได้แถลงไว้ ในการประชุมทั้ง 2 วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดจับตาอัตราว่างงานของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนนี้ (10 มี.ค.) ซึ่งคาดว่าอาจไม่ได้ปรับลดลงต่อเนื่อง และยังยืนที่ระดับเดิมที่ 3.4% ซึ่งอาจชะลอการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้
+ บริษัท TotalEnergies ของฝรั่งเศส ระบุว่าไม่สามารถขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นในวันพฤหัสบดี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการหยุดงานประท้วงของแรงงานฝรั่งเศสในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ สัปดาห์ที่แล้วลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 238.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่โรงกลั่นฯ ในเกาหลีใต้มีแผนการปิดซ่อมบำรุงระหว่างเดือน มี.ค. - เม.ย. 66 ซึ่งอาจส่งผลต่ออุปทานน้ำมันเบนซินตึงตัว
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในอินโดนีเซียที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการปรับมาตรการการใช้ส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B30 เป็น B35 ตั้งแต่เดือน ม.ค. 66 อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในตลาดเอเชียยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น