BANKING SECTOR - ธปท. ขยายระยะเวลามาตรการช่วยธุรกิจขนาดเล็ก

คุณสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้ให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กด้วยมาตรการเสริมสภาพคล่องระยะสั้นในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ซึ่งรวมถึงการให้สินเชื่อ soft loan และโครงการ  asset warehousing ที่ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะหมดอายุในเดือนเมษายน 2023

 

ที่ผ่านมา ธปท. ได้มีการอนุมัติเงินกู้ soft loan ให้กับธุรกิจขนาดเล็กไปแล้ว 61,073 แห่ง โดยมียอดสินเชื่อ 2.22 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 90% ของวงเงินที่ตั้งเอาไว้ ในขณะเดียวกัน ธปท. ยังได้อนุมัติให้ลูกหนี้ 476 รายเข้าร่วมโครงการ asset warehousing โดยมียอดโอนสินทรัพย์มูลค่ารวม 7.2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 72% ของวงเงินในโครงการ

 

ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาใกล้กับระดับก่อน COVID ระบาดแล้ว แต่ ธปท. ประเมินว่าการฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึง ดังนั้น ธปท. และกระทรวงการคลังจึงตัดสินใจขยายโครงการ soft loan ออกไปอีกหนึ่งปีถึงวันที่ 9 เมษายน 2024 โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยสนับสนุนลูกหนี้ที่ประสบปัญหา ซึ่งอาจจะต้องการเวลาและสภาพคล่องต่อเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปหลังสถานการณ์โรคระบาด 

 

 

อย่างไรก็ตาม ธปท. เปิดเผยว่าจะไม่ขยายเวลาโครงการ asset warehousing เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่สามารถนำหลักทรัพย์มาตีโอนชำระหนี้หรือค้ำประกันได้ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมและภาคบริการ ซึ่งส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้นแล้วหลังการกลับมาเปิดประเทศแล้ว แต่ลูกหนี้อาจจะเจรจาขอปรับเงื่อนไขกับธนาคารได้หลังจากที่มาตรการสิ้นสุดลง โดยวงเงิน credit line ที่เหลือจากโครงการ asset warehousing จะนำไปรวมกับวงเงิน credit line ของโครงการ soft loans

 

เรามองว่าการขยายโครงการ soft loan เป็นข่าวบวกสำหรับทั้งธนาคารและลูกหนี้ เพราะธุรกิจขนาดเล็กที่ประสบปัญหาจะมีเวลาปรับตัวนานขึ้นและมีโอกาสจะฟื้นตัวกลับมาได้แทนที่จะกลายเป็น NPLs อย่างไรก็ตาม ผลบวกจากการขยายโครงการนี้อาจจะไม่ได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับภาวะฉุกเฉินในปี 2020 เพราะมาตรการนี้มีความจำเป็นลดลงท่ามกลางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ ทั้งนี้ ธุรกิจต่าง ๆ และคุณภาพสินทรัพย์น่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย และสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลายลงไป

 

Action/ Recommendation

เรายังคงมองบวกกับกลุ่มธนาคารไทย และมองว่าราคาหุ้นน่าจะดีดตัวขึ้นได้ในระยะสั้น จากความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวหลังมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed และความกังวลที่ลดลงหลังจากการขายกิจการ Credit Suisse ช่วยป้องกันเกิด domino effect ของการผิดนัดชำระหนี้ แต่เนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยและแนวโน้มจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่ดูมีความเสียงมากขึ้น ทำให้เราเชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้งก็ต่อเมื่อเห็นสินเชื่อกลับมาขยายตัว และ NIM เร่งขึ้นตามที่ตลาดคาดได้ในงบที่จะประกาศออกมาในช่วง 1Q23