วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (3 เม.ย. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม ได้แรงหนุนจากอุปทานน้ำมันตึงตัว และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ลดลง
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม เนื่องจากอุปทานน้ำมันมีแนวโน้มตึงตัว หลังจากที่อิรักปิดและลดกำลังการผลิตที่บ่อน้ำมันหลายแห่งในเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานทางตอนเหนือ ในขณะที่แหล่งข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มโอเปคและพันธมิตร (OPEC+) มีแนวโน้มว่าจะยึดข้อตกลงเดิม ด้วยการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมวันที่ 3 เม.ย.นี้ โดยกำลังการผลิตของโอเปคใน มี.ค. อยู่ที่ระดับ 28.90 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลดลง 70,000 บาร์เรลต่อวันจาก ก.พ.
+ ข้อมูลดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 0.6% และ0.3% ในเดือน ม.ค. และ ก.พ. เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กำลังชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลง
+ Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. ปรับลดลง 1 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 592 แท่น ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับลดลง 2 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 160 แท่น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินปรับลด โดยเฉพาะ ปากีสถาน และอินโดนีเซีย ในขณะที่อุปสงค์จากทางตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 2.33 % แตะระดับ 9.85 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ราคายังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นของอินเดีย