กลุ่มพลังงานมีโอกาสเข้ามาช่วยประคองตลาดแทน DELTA

กลุ่มพลังงานมีโอกาสเข้ามาช่วยประคองตลาดแทน DELTA

PCE Deflator ก.พ.ชะลอตัวลง โดย +0.3% MoM (ตลาดคาด +0.3% MoM ขณะที่ ม.ค.อยู่ที่ +0.6%) ขณะที่ตัวเลขเทียบปีก่อน +5.0% (ตลาดคาด +5.1% MoM ขณะที่ ม.ค.อยู่ที่ +5.4%)

ขณะที่ PCE Core Deflator ชะลอตัวลง +0.3% MoM และ +4.6% YoY (ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ +0.4% MoM และ +4.7% YoY) ตัวเลขดังกล่าวเป็นสัญญาณยืนยันถึงเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง เรายังคงมุมมองดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ใกล้ถึงจุดสูงสุด โดยอาจปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในวันที่ 3 พ.ค.66 เป็น 5.25% ทั้งนี้มุมมองนักลงทุนก้ำกึ่งระหว่างการคงและขึ้นดอกเบี้ย 

โอเปคเซอร์ไพรซ์ตลาดโดยประกาศปรับลดกำลังการผลิตลง 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน น้ำมันดิบปรับขึ้นมากกว่า 5% หลังโอเปคประกาศปรับลดกำลังการผลิตลง ผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะคงกำลังการผลิตในสถานการณ์ที่ภาพรวมสินทรัพย์เสี่ยงกังวลเกี่ยวกับปัญหาภาคธนาคาร โดยซาอุดิอาระเบียนำการปรับลดกำลังการผลิตที่ 5 แสนบาร์เรล/วัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวคาดส่งผลบวกต่อทั้งกลุ่มสำรวจและผลิตจากราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และต่อกลุ่มโรงกลั่นจากความกังวลเกี่ยวกับผลขาดทุนสต็อคที่จะลดลง หลังราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว โดยหุ้นที่เราชอบในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTTEP (ราคาเป้าหมาย 174 บาท), ESSO (ราคาเป้าหมาย 12 บาท), SPRC (ราคาเป้าหมาย 15 บาท)
 

ติดตามการประกาศรายชื่อผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ได้รับคัดเลือก 5 เม.ย. ที่จะประกาศโดยสำนักงาน กกพ. จำนวน 5,200MW ทั้งนี้ ด้วยจำนวนโครงการที่ผ่านเข้ารอบสูงที่สุดและประสบการณ์ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทำให้พันธมิตร GUNKUL-GULF มีโอกาสได้รับโครงการในสัดส่วนที่สูง ซึ่งหากเทียบอัพไซด์ต่อฐานกำไรปัจจุบัน เรามอง GUNKUL (Not rated) มีโอกาสได้รับการปรับประมาณการมากที่สุด ขณะที่ GULF จะน่าสนใจรองลงมา สำหรับหุ้นพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ คาดได้ปัจจัยบวกทางจิตวิทยาในการเก็งกำไรเช่นกัน ทั้ง BWG (Not rated), ETC (Not rated), SSP (Not rated), TSE (Not rated) เป็นต้น

 

ภาพรวมกลยุทธ์: การปรับลดกำลังการผลิตของโอเปคทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นพลังงาน อย่างไรก็ตามจะเป็นประเด็นขัดแย้งกับการคุมเงินเฟ้อและธีม ดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด ทำให้ตลาดระยะสั้นอาจจะผันผวนได้ อย่างไรก็ตามยังมองทยอยสะสมเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, WHA, AMATA, ROJNA, PTG, OR, MAJOR, SPA, ERW, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC เป็นต้น

หุ้นแนะนำ: GUNKUL*, GULF*, ESSO*, ROJNA*

แนวรับ: 1,593-1,597 / แนวต้าน : 1,620 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

KTB ยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมถอนเงินไม่ใช้บัตร – จากประกาศจัดเก็บค่าธรรมเนียมการถอนเงินไม่ใช้บัตร (Cardless ATM Withdrawal) ครั้งละ 10 บาท ปรากฎว่า ได้รับเสียงสะท้อนจากลูกค้าจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งธนาคารยินดีน้อมรับฟังทุกความคิดเห็น เพื่อนำมาปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ จึงยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมออกไปก่อน

STARK เลื่อนส่งงบการเงินงวดปี 65 อีกรอบไปเป็น 21 เม.ย.66 – ล่าช้ากว่าที่ได้คาดไว้ก่อนหน้านี้ (ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566) เนื่องจากข้อมูลบางส่วนอยู่ระหว่างการดำเนินงานของบริษัท และการตรวจสอบของผู้สอบบัญชี โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถนำส่งงบการเงินดังกล่าวได้ภายในวันที่ 21เมษายน 2566

DELTA และ ITTHI ติด Cash Balance – ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.66 - 21 เม.ย.66

Opportunity day - 3 เม.ย. – SPA, PJW, NCL, ITNS, STC, CH, CH, TMT / 4 เม.ย. – DTCENT, TEAMG, STECH, RAM, SKN, PRIME, YGG / 5 เม.ย. – SIS, ECF, VIBHA, KTMS, PORT, NWR, AU / 7 เม.ย. – BC, SKR, FTI, FVC, KK, LHHOTEL, AHC                            

 

ประเด็นติดตาม: 3 เม.ย. - ISM Manufacturing PMI / 4 เม.ย. – TH CPI, JOLTs Job Openings / 5 เม.ย. - ISM Non-Manufacturing PMI / 6 เม.ย. - Initial Jobless Claims / 7 เม.ย. - Nonfarm Payrolls / 12 เม.ย. - US CPI, FOMC Meeting Minutes / 13 เม.ย. - US PPI / 14 เม.ย. - US Retail Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)