CPALL ประมาณการ 1Q66: คาดกำไรลดลงทั้ง YoY และ QoQ
เราคาดกำไรสุทธิ 1Q66 ของ CPALL ที่ 2.7 พันล้านบาท (-21% YoY และ -13% QoQ) คิดเป็น 16% ของกำไรสุทธิเต็มปี 2566 ของเรา โดยกำไรที่หดตัว YoY มาจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
ได้แก่ ค่าสาธารณูปโภคค่าจ้างแรงงาน และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยซึ่งจะไปหักลบกับการฟื้นตัวของรายได้ ขณะที่กำไรลดลง QoQ เป็นเพราะปัจจัยฤดูกาล
คาด SSSG ยังเป็นบวกใน 1Q66
เราคาดยอดขายรวมบริษัทในเครือใน 1Q66 อยู่ที่ 2.197 แสนล้านบาท (+13% YoYและ ทรงตัว QoQ) เป็นผลมาจากการบริโภคกลับสู่ภาวะปกติของทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVs) ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกของชำ (MAKRO และ Lotus’s) เราคาดธุรกิจ CVs มี SSSG ใน 1Q66 เป็นอยู่ที่ 8% (เทียบกับ 13% ใน 1Q65 และ 15% ใน 4Q65) เมื่อแบ่งประเภทสินค้าตามยอดขาย (product mix) เราคาดว่าสินค้าหมวดอาหารยังเป็นสินค้าหลักคิดเป็นสัดส่วน 74% โดยได้อานิสงค์จากกิจกรรมทางธุรกิจที่กลับมา (เช่น การให้นักเรียนกลับมาเรียนที่โรงเรียน การประชุมทางธุรกิจและการยกเลิกนโยบายทำงานที่บ้าน (WFH))
คาดอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นตามเป้าของบริษัท
เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นรวมบริษัทในเครือใน 1Q66 ที่ 21.5% (ทรงตัว YoY และ -10bps QoQ) เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จาก Siam Makro (MAKRO.BK/MAKRO TB) สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าจะเพิ่มขึ้น YoY โดยเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าหมวดอาหารจะขยับขึ้นเป็น 26.2% (+20bps YoY และ ทรงตัว QoQ) หนุนจากสัดส่วนรายได้สินค้าประเภทเครื่องดื่มสูงขึ้น (เช่น All Café) ในขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นหมวดสินค้าไม่ใช่อาหารคาดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 27.1% (+70bps YoY และ ทรงตัว QoQ) ช่วยหนุนจากยอดขายสินค้าด้านการดูแลสุขภาพ
คาดมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
เราคาดว่า CPALL ยังเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้แก่ ต้นทุนค่าสาธารณูปโภคและต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่ไปหักลบกับการฟื้นตัวของรายได้ นอกจากนี้ เราคาด SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 20% ใน 1Q66 (เทียบกับ 19.7% ใน 1Q65 และ 20.3% ใน 4Q65) EBIT margin ใน 1Q66 คาดอ่อนตัวลงที่ 4.2% (เทียบ 4.6% ใน1Q65 และ 4.5% ใน 4Q65) และอัตรากำไรสุทธิ 1Q66 อยู่ที่ 1.2% (เทียบกับ 1.8% ใน 1Q65 และ 1.4%ใน 4Q65)
Valuation & action
เราคงคำแนะนำ “ถือ” CPALL และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 67.00 บาท อิงจาก PER ที่ 35.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่าง MAKRO และ CPALL +1.0 S.D)
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัวลง การขยายสาขาใหม่ได้ช้ากว่าแผนที่วางไว้ disruption จากเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ถูกยกเลิกการใช้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และความเสี่ยงด้าน logistic