MAKRO ผลประกอบการ 1Q66: กำไรเป็นไปตามคาด

MAKRO ผลประกอบการ 1Q66: กำไรเป็นไปตามคาด

MAKRO รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 2.2 พันล้านบาท (+5% YoY แต่ -13% QoQ) เป็นไปตามเราและ Bloomberg consensus คาด กำไรเพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายฟื้นตัวต่อเนื่องในธุรกิจค้าส่ง

ขณะที่กำไรลดลง QoQ เป็นเพราะปัจจัยฤดูกาลรวมทั้งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ทั้งนี้ กำไร 1Q66 คิดเป็น 17% ของประมาณการกำไรสุทธิเต็มปี 2566 ของเรา

 

ธุรกิจค้าส่ง: SSSG ใน 1Q66 เติบโตเด่น

ธุรกิจค้าส่งมีกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 1.9 พันล้านบาท (+9% YoY แต่ -21% QoQ) หนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น ยอดขายใน 1Q66 อยู่ที่ 6.39 หมื่นล้านบาท (+13% YoY แต่ -3% QoQ) SSSG อยู่ที่ 10.9% ส่วน อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 10.9% (+0.6ppts YoY แต่ -0.3ppts QoQ) ปรับตัวดีขึ้นจากการมีสัดส่วนยอดขายอาหารสดเพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้นเป็น 41.7% ใน 1Q66 เทียบกับ 41.5% ใน 1Q65) และ การเพิ่มขึ้นของสินค้า private label (เพิ่มเป็น 17.1% ใน 1Q66 เทียบกับ 14.9% ใน 1Q65) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) 1Q66 อยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท (+23% YoY และ +5% QoQ) ทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 9.2% ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของ SG&A มาจากมีค่าใช้จ่ายของธุรกิจในช่องทางออนไลน์

 

 

ธุรกิจค้าปลีก: ยังดีอยู่

ธุรกิจค้าปลีกมีกำไรสุทธิ 1Q66 อยู่ที่ 269 ล้านบาท (-13% YoY แต่ +296% QoQ) กำไรลดลง YoY มาจากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยจ่าย ค่าสาธารณูปโภค และการตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้ (upfront fee) ยอดขาย 1Q66 อยู่ที่ 5.01 หมื่นล้านบาท (+1% YoY แต่ -2% QoQ) ส่วน SSSG ในประเทศไทยอยู่ที่ 0.8%และ -0.9% ในประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.0% (-60bps YoY และ -30bps QoQ) ผลจากการส่งเสริมการตลาด ในขณะที่ รายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท (+10% YoY แต่ -4% QoQ) จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าเช่าและ occupancy rate (เพิ่มเป็น 90% และ 95.6% ทั้งในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ตามลำดับ) ในด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท (+4% YoY แต่ -4% QoQ)

 

เดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้ คาดเห็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

เมื่อสิ้น 1Q66 บริษัทมีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย 9.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสกุลดอลลาร์ 18% สกุลบาท 64% และสกุล MYR 18% โดย 54% คิดดอกเบี้ยคงที่และอีก 46% คิดดอกเบี้ยลอยตัว ขณะที่ หลังจากบริษัทได้ออกหุ้นกู้ (debenture) และชำระหนี้บางส่วนไปในเดือนเมษายน ทำให้ profile หนี้เปลี่ยนแปลงไปเป็นหนี้สกุลบาท 80% และ สกุล MYR 20% โดย 90% คิดดอกเบี้ยคงที่และ 10% คิดดอกเบี้ยลอยตัว ทั้งนี้ เราคาดว่าจะเห็นการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ตาม เราได้รวมปัจจัยดังกล่าวไว้ในสมมติฐานประมาณการกำไรปี 2566 ของเราแล้ว ซึ่งปัจจุบันยังสูงกว่า Bloomberg consensus อยู่ราว 10%  ดังนั้น เราจึงคงประมาณการกำไรสุทธิเราปี 2566 ไว้เช่นเดิม

 

 

Valuation & action

เราคงคำแนะนำ “ถือ” MAKRO และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 42.00 บาท อิงจาก PER ที่ 35.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของ MAKRO และ C.P. All (CPALL.BK/CPALL TB)* +1.0 S.D)

 

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง ราคาสินค้าเกษตรลดลง ขยายสาขาได้น้อยกว่าแผนที่กำหนดไว้ disruption ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่ ความเสี่ยงด้านกฏเกณฑ์ทางการ และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการในต่างประเทศ