KTX Zoom (17 พฤษภาคม 2566)

KTX Zoom (17 พฤษภาคม 2566)

เลือกถือหุ้นปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอน

KTX Zoom (17 พฤษภาคม 2566)

Today’s dominant ideas

คาด SET Index อ่อนตัว แนวรับ 1,533/1,520 จุด แนวต้าน 1,550/1,560 จุด ทางเทคนิคยังไม่เกิดสัญญาณกลับตัว (Reversal Pattern) อย่างมีนัยอาทิ Hammer ขาลง ฯลฯ ส่งผลให้ทิศทางดัชนีฯ ยังคงอยู่ในลักษณะอ่อนตัว สลับรีบาวนด์ โดยจุดลุ้นรีบาวนด์อยู่ที่ 1,533 จุด (Gap ที่เปิดไว้เมื่อวันที่ 3 พ.ค.) และ 1,520 จุด

ประเด็นวันนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่เป็นโมเมนตัมบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ คือ ญี่ปุ่น รายงาน 1Q23 GDP Growth +0.4% QoQ (รูปซ้าย) (คิดเป็น %Annualized +1.6%) สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ +0.1% QoQ (คิดเป็น % Annualized +0.7% QoQ) และการคาดว่า ราคาอสังหาฯ ในจีน ฟื้นตัว (รูปขวา) (Consensus คาดดีขึ้นเป็น -0.2% YoY Vs เดือน มี.ค. -0.8% YoY รับผลบวกจากทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นตั้งแต่ปลายปีก่อน)  ขณะที่ประเด็นการเมืองในประเทศ มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาในกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หลังจากพรรคก้าวไกล ประกาศยืนยันที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม 6 พรรค จานวน 309 เสียง (พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม) โดยต้องการเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. หรือ ส.ว. อีกอย่างน้อย 67 เสียง เพื่อให้ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสองสภารวมกัน 750 เสียง ทาให้มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดสูตรที่ 2 ซึ่งอาจได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. มากกว่า

 

 

 

(สูตรที่ 2 มีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนา ร่วมกับอดีตพรรคฝ่ายค้าน (ยกเว้นพรรคก้าวไกล) และอดีตพรรครัฐบาล (อาจเป็นพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย) ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของราคาหุ้นที่ร่วงแรงในช่วงที่ผ่านมา ของบางกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า ฯลฯ อย่างไรก็ดี เราคาดว่ากลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ (ค้าปลีก อาหาร) จะได้ประโยชน์จากนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มชนชั้นล่างและกลาง (ประชานิยม) อาทิ นโยบายให้สวัสดิการแก่เด็ก คนทางาน ผู้สูงอายุ ของพรรคก้าวไกล หรือการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท/ประชาชนที่มีอายุ > 16 ปี จานวน 55 ล้านคน วงเงิน 5.5 แสนล้านบาท เพื่อใช้จ่ายภายในพื้นที่ 4 กม. ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อ GDP Growth +3.4% ของพรรคเพื่อไทย

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ TKN SAT โดยคาดว่าจะมีโมเมนตัมบวก (Postive Earnings Guidance) จากงาน Opportunity Day / Analyst Meeting และ BBL ในฐานะที่เป็นหุ้นปลอดภัย รับโมเมนตัมบวก จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ -28.2%

 

 

 

 

Strategic daily picks

TKN    ปิด 10.70 บาท/แนวรับ 9.60 บาท แนวต้าน 11.60 บาท

Consensus ประเมินราคาเป้าหมายที่ 11.60 บาท TKN รายงานรายได้จากการขายรวม 1Q23 อยู่ที่ 1,243.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% YoY และกาไรสุทธิ 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164.4% YoY และส่งสัญญาณบวกต่อเนื่องใน 2Q23 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มมีการฟื้นตัวหลัง COVID-19 และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น สำหรับตลาดต่างประเทศใน 2Q23 ยังมีแนวโน้มที่ดีและเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2023 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% แตะ 5 พันล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากาไรสุทธิเติบโตเป็นเลข 2 หลัก ผ่าน 3 แนวทางในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1) เพิ่มการเติบโตของธุรกิจหลักสาหร่ายในทุกช่องทางทั้งในและต่างประเทศ 2) เพิ่มความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และ 3) สร้างการเติบโตของธุรกิจเถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ โดยกลับมาเปิดร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ 2 สาขา รองรับการกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวและขยายธุรกิจ QSR ทั้งในส่วนของบริษัทและแฟรนไชส์เพิ่มเติม

 

BBL    ปิด 161.00 บาท/แนวรับ 157.00 บาท แนวต้าน 166.50 บาท

BBL รายงานกำไรสุทธิ 1Q23 ที่ 1.01 หมื่นล้านบาท (+33.8% QoQ, +42.3% YoY) จาก 1) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นถึง 58.84% QoQ, 9.10% YoY หลัก ๆ มาจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงินที่มีการรับรู้กำไรกว่า 1.44 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุน 1.95 พันล้านบาท ใน 4Q22 และ 2) Cost to income ratio อยู่ที่ 46.78% ลดลงจาก 51.70% ใน 4Q22 จากการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารและอุปกรณ์เป็นหลัก ส่วนแนวโน้มทั้งปี 2023 Consensus คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิ 3.57 หมื่นล้านบาท เติบโต 21.7% จากปี 2022 และในเบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 2Q23 จะเติบโตดีต่อเนื่องทั้ง YoY, QoQ หนุนด้วยความต้องการสินเชื่อของบริษัทขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น, NIM ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นตามการส่งผ่านต้นทุนดอกเบี้ยไปยังลูกค้า และการตั้งสำรองที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ Consensus ประเมินราคาเป้าหมายที่ 183.50 บาท อิง PBV 0.64 เท่า

 

SAT    ปิด 20.50 บาท/แนวรับ 19.80 บาท แนวต้าน 21.30 บาท

SAT รายงานกำไรสุทธิ 1Q23 ที่ 274 ล้านบาท (+6% YoY, +30% QoQ) ดีกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์ 17% และ 14% ตามลำดับ จากยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด โดยกำไรเติบโต 6% YoY มีสาเหตุจากรายได้เติบโต 8% YoY เป็น 2.5 พันล้านบาท (ดีกว่าคาด 5%) ด้วยแรงหนุนของยอดขายชิ้นส่วนรถยนต์ที่เติบโต 10% YoY และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (เทียบกับยอดขายลดจาก 8.0% ใน 1Q22 เหลือ 6.3%) ทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานขยับขึ้นจาก 9.9% เป็น 10.9% และหากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรเติบโตถึง 30% QoQ โดยรายได้เติบโต 15% QoQ จากการฟื้นตัวของปริมาณขายชิ้นส่วนอุตสาหกรรมเกษตร (คาด +75% QoQ) และการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้น เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ SAT เข้าสู่ช่วงเติบโตระดับปานกลาง และสามารถจ่ายปันผล ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 8.3% ต่อปี ในช่วงปี 2023-25E และประเมินราคาเป้าหมายที่ 22.09 บาท

KTX Zoom (17 พฤษภาคม 2566)