SUN กำไรสุทธิทำสถิติสูงสุด (18 พ.ค. 2566)
เราคาดว่ายอดขายของ SUN ใน 2Q66 F และ 3Q66F จะยังคงมีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากอุปสงค์การส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยในปัจจุบัน SUN มีคำสั่งซื้อที่รอการจัดส่งยาวไปจนถึงปลายไตรมาสที่สาม
ทั้งนี้ SUN ได้ขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดหวานในบางจังหวัดของภาคเหนือ และอีสาน เพื่อให้มั่นใจว่าจมีวัตถุดิบเพียงพอสำหรับแผนการผลิตของบริษัท โดย SUN ตั้งเป้าผลผลิตข้าวโพดหวานปีนี้ที่ 200k ตัน (+64%YoY) โดยใน 1Q66 ผลผลิตข้าวโพดหวานอยู่ที่ 40.9k ตัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 2Q66F-3Q66F จากปัจจัยฤดูกาล ในขณะเดียวกัน คาดว่าผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready-to-eat หรือ RTE) จะเพิ่มขึ้น12% YoY จากทั้งการเพิ่มสินค้าใหม่ และการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ ๆ เราประเมินแบบอนุรักษ์นิยมว่ายอดขายปี 2566F จะโต 34% และปี 2567F จะโต 10%
margin ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากมีการปรับราคาขาย ในขณะที่ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ลดลง และมีการประหยัดต่อขนาด ดังนั้น GPM ของ SUN จึงเพิ่มขึ้นเป็น 19.8% ใน 1Q66 ซึ่งดีกว่าประมาณการของเราที่ 14.7% อย่างมาก เราคาดว่า SUN น่าจะรักษาระดับ margin ที่น่าประทับใจนี้เอาไว้ได้ในอีกสองไตรมาสข้างหน้า จากปริมาณยอดขายที่สูงขึ้น ซึ่งจะลดทอนผลกระทบด้านลบจากค่าเงินบาทที่คาดว่าจะแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ เรายังมองบวกกับแนวโน้มราคาวัตถุดดิบ อย่างเช่น ปุ๋ย และบรรจุภัณฑ์กระป๋องซึ่งเริ่มแสดงสัญญาณการลดลงบ้างแล้ว
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F อีก 59% และปี 2567F อีก 32%
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ขึ้นอีก 59% เป็น 378 ล้านบาท (ซึ่งจะเป็นสถิติสูงสุดใหม่) และปี 2567F ขึ้นอีก 32% เป็น 420 ล้านบาท เนื่องจาก i) เราปรับเพิ่มสมมติฐานยอดขายของทั้งสองปีขึ้นอีก 5% ii) เราปรับเพิ่มสมมติฐาน GPM ปีนี้ขึ้นอีก 3.4ppts เป็น 19.5% และปี 2567F ขึ้นอีก 2.4ppts เป็น 18.7% และ iii) เราใส่สมมติฐานกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้ที่ 25 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน จากการวิเคราะห์ sensitivity เราพบว่าต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 10% จะส่งผลกระทบกับกำไรสุทธิ และราคาเป้าหมายของ SUN 10%
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำซื้อ SUN และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2566 เป็น 7.60 (อิงจาก PER ที่ 13x) จากเดิมที่ 5.50 บาท เรายังคงเลือก SUN เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราเพราะเราคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปีนี้ และคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปีนี้จะอยู่ในระดับน่าสนใจที่ 6.1%
Risks
อัตราแลกเปลี่ยน, ต้นทุนวัตถุดิบและการขนส่งแพงขึ้น, และสภาพภูมิอากาศ