ผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ XO (23 พ.ค. 2566)

ผันผวน  หุ้นรายงานพิเศษ XO (23 พ.ค. 2566)

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีเปิด gap ลงในแดนลบ ทำจุดต่ำสุด บริเวณ 1,491 จุด หรือ –24 จุด แต่มีแรงซื้อกลับ ทำให้ดัชนีพลิกขึ้นมาในแดนบวก โดยมีแรงซื้อหลักๆมาจากหุ้นที่ปรับตัวลงมามากในช่วงก่อนหน้า นำโดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไอซีทีและขนส่ง

คาดจากการที่นักลงทุนเห็นรายละเอียด และการเซ็นต์ MOU ของพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เกิดการคลายความกังวล ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,529.24 จุด +14.35 จุด +0.95% มูลค่าการซื้อขาย 55,533 ลบ. ต่างชาติ -1,469.36 ลบ. TFEX +19,078 สัญญา ตราสารหนี้ -8,583.23 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ +0.61% ปิดที่ 71.99 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2H66 อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 27.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนัก 43.7%
+ BOI เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรกปี 2566 มูลค่ารวมกว่า 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 77%YoY
+/- ภาพรวมของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ใน 1Q66 ขยายตัว 0.51% ชะลอลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนผลการดำเนินงาน 1Q66 ปรับดีขึ้น YoY เงินกองทุนสูงถึง 19.4% มีเงินส่ารองอยู่ที่ 173.4%
 

ปัจจัยลบ 

 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 140.05 จุด หรือ -0.42% เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ครั้งล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
- นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์เห็นว่าเฟดยังคงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะไม่ปรับตัวลง และตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง

 

- นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐเตือนว่า มีแนวโน้มสูงที่กระทรวงการคลังจะไม่เหลือเงินสดเพียงพอในช่วงต้นเดือนมิ.ย. และสหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
- จีนมีแนวโน้มเผชิญกับการเพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยคาดว่าภายในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. อาจมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 65 ล้านรายต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ XBB ทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินเศรษฐกิจไทยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะขยายตัวเฉลี่ย 3.3% ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 3.4% เติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนโควิดที่ 3.6%
- สศช. เปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนไทยในงวด 4Q65 เท่ากับ 86.9% ต่อ GDP คิดเป็น 15.09 ล้านล้านบาท แม้ภาพรวมปรับลดลง แต่ในรายไตรมาสกลับปรับเพิ่มขึ้น 3.5%YoY
 

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีวันนี้แกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนยังจับตาการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,520-1,535 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW SPA
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL COM7 CPALL
• หุ้นเข้าคำนวณ MSCI Equity Indexes เข้า MAKRO ออก JMT, TU และ MSCI Small Cap Indexes เข้า JMT, TIDLOR, SAPPE, SISB ,TU ออก – มีผลวันที่ 31พ.ค.

 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

XO (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเหมาะสม 18.70)
รายงานกำไร 1Q66 ดีกว่าคาดและกำไร 2Q66 เติบโตต่อ

ผันผวน  หุ้นรายงานพิเศษ XO (23 พ.ค. 2566)

•รายงานกำไร 1Q66 ที่ 96 ลบ. +1%YoY และ +18%QoQ ซึ่งดีกว่าที่เราคาด โดยรายได้เติบโต 2%QoQ และ +13%YoY เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อใหม่จากประเทศสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก ขณะที่คำสั่งซื้อจากยุโรปเริ่มฟื้นตัว ด้านอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตจาก 40% สู่ 44% เนื่องจากการปรับขึ้นราคาขาย 8-12% ใน 1Q66 และมี Economy of scale จากคำสั่งซื้อใหม่

•ผู้บริหาร ปรับเพิ่มเป้าการเติบโตปี 66 จาก 10% สู่ 20% เนื่องจากได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่จากสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีจะทรงตัวเหนือ 44% เนื่องจากมีการล็อกราคาวัตถุดิบไว้แล้วจนถึงปลายปีนี้ ทั้งนี้คาดว่ารายได้ 2Q66 จะทา All time high และอัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่ 45-46% เนื่องจากมี Economy of scale

ความเห็น กำไร 1Q66 คิดเป็น 25% ของประมาณการโดยเรามีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการ เนื่องจากเรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการใน 2Q66 ที่จะเติบโตต่อเนื่องและการปรับเป้ารายได้ปี 66 ของผู้บริหาร อย่างไรก็ตามราคาปรับตัวขึ้นตอบรับข่าวดังกล่าวไปแล้ว เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

 

หุ้นมีข่าว

(+) GUNKUL (Bloomberg consensus 5.85 บาท) เดินหน้าลุยประมูลโรงไฟฟ้าในเวียดนาม หวังขยายกำลังผลิตเพิ่ม ด้านธุรกิจ EPC ปัจจุบันตุนแบ็กล็อกแน่นกว่า 5 พันล้านบาท พร้อมชิงงานใหม่เพิ่มต่อเนื่อง ชี้ไม่กังวลรัฐบาลใหม่ปรับลดค่า Ft เชื่อมีสูตรที่ชัดเจนเปลี่ยนยาก ลั่นพร้อมปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจ กัญชง-กัญชา ให้สอดคล้องนโยบายภาครัฐ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MFEC (Bloomberg consensus - บาท) จ่อปิดดีลลงทุน 2 บริษัทนอกตลาดหุ้น ในไตรมาส 2/2566 นี้ หลังได้รับเงินจากการขายธุรกิจ Vulcan Digital Delivery ให้กับ BBIK บุ๊กกำไร 691 ล้านบาท มองตลาด AI ปีนี้โอกาสเติบโตสูง พร้อมตั้งเป้ารายได้โตเกิน 15% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SJWD (Bloomberg consensus 23.00 บาท) เล็งทุ่มงบ 5 พันล้านบาท อัพฐานรับทรัพย์ แถมซุ่มดีลซื้อกิจการต่อยอดธุรกิจเพิ่ม คาดชัดเจนภายในปีนี้ บิ๊ก "ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา" ส่งซิก ไตรมาส 2/2566 ผลงานแจ่ม อานิสงส์บุ๊กรวมงบ SCGL เต็มไตรมาส แถมวางหมากดันมาร์เก็ตแคปแตะ 1 แสนล้านบาท ในปี 2570 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PR9 (Bloomberg consensus 22.00 บาท) ไตรมาส 2/2566 ได้กลุ่มลูกค้าโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่เข้ามารักษาเพิ่ม มองครึ่งปีหลังฟื้นตัวชัดเจน รอรับคนไข้จีนและคนไข้จากตลาดใหม่อย่างอาหรับทยอยเข้ามา ไตรมาส 3/2566 เตรียมเปิดศูนย์ให้ค่าปรึกษา และการรักษาที่บ้าน ภายในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมตั้งเป้า อัตรากำไรสุทธิเติบโตมากกว่า 10% ต่อปี (ที่มา ทันหุ้น)