สหรัฐบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ (29 พ.ค. 66)

สหรัฐบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ (29 พ.ค. 66)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway ในแดนลบ จากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง และหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นักลงทุนยังติดตามความคืบหน้าในการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐ รวมถึงตัวเลข PCE ของสหรัฐ เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,530.84 จุด -4.58 จุด -0.30% มูลค่าการซื้อขาย 38,787 ลบ. ต่างชาติ -3,567.16 ลบ. TFEX -12,038 สัญญา ตราสารหนี้ -521.09 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 328.69 จุด +1.00% หลังจากมีรายงานว่าประธานาธฺิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์ แต่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1%
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ +1.17% ปิดที่ 72.67 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 1.4% ในรอบสัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันปิโตรเลียมในช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์นี เนื่องในวัน Memorial Day
+ เฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.9% ใน 2Q66 หลังจากขยายตัว 1.1% ใน 1Q65
+ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลรัฐบาลไทย ว่า ไทยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศ 1 ล้านคน ในช่วงเดือนม.ค. - 18 พ.ค. หลังจากที่จีนเปิดพรมแดนอีกครั้ง

 

ปัจจัยลบ  

- ทางการยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียดำเนินการโจมตียูเครนตลอดทั้งคืนในหลายพื้นที่ ทั้งกรุงเคียฟ เมืองดนีโปร และภูมิภาคทางตะวันออก โดยยูเครนสามารถยิงสกัดขีปนาวุธได้ 10 ลูก และโดรนอีกมากกว่า 20 ลำ
- รัสเซียขู่ไม่ต่ออายุข้อตกลงเปิดเส้นทางส่งออกที่ปลอดภัยจากท่าเรือบริเวณทะเลดำของยูเครน ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 17 ก.ค. หากข้อเรียกร้องเพื่อปรับปรุงด้านการส่งออกธัญพืชและปุ๋ยของรัสเซียไม่ได้รับการตอบสนอง
 

 

- รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีหนี้ครัวเรือนของไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ที่ 15.09 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาช่วงหลังปี 62 เนื่องจากมีวิกฤติโควิด-19 โดยข้อมูลย้อนหลังพบว่า สถิติหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงเกิน 80% มาตั้งแต่ปี 56-57 หรือกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
- ตลท. สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม-26 พฤษภาคม 2566 พบว่านักลงทุนสถาบันในประเทศซื้ อสุทธิ 31,305.94 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 5,178.05 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 89,144.24 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 63,016.34 ล้านบาท
 

แนวโน้มตลาดวันนี้ 

คาดดัชนีวันนี มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดโลก หลังได้แรงหนุนจากการบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,525-1,540 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW SPA
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL COM7 CPALL
• หุ้นเข้าคำนวณ MSCI Equity Indexes เข้า MAKRO ออก JMT, TU และ MSCI Small Cap Indexes เข้า JMT, TIDLOR, SAPPE, SISB ,TU ออก – มีผลวันที่ 31พ.ค.

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

BCH - "ซื้อ. Bloomberg Consensus 24.50 บาท Upside 18%
"คาดผลประกอบการช่วงที่เหลือของปี 66 จะเติบโตดีขึ้นรายไตรมาส ตั้งแต่งวด 2Q66 เป็นต้นไป"

สหรัฐบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ (29 พ.ค. 66)

•งวด 1Q66 มีกำไร 254 ลบ. -87%YoY -6%QoQ (ต่ำกว่าตลาดคาด 32%) โดยมีรายได้ 2,674 ลบ. -62%YoY -4%QoQ หดตัวเนื่องจากรายได้เกี่ยวกับการรักษาโรคโควิด-19 จากโครงการภาครัฐที่หายไปกว่า 3,404 ลบ. จากปีก่อน เช่นเดียวกับรายได้ผู้ป่วยทั่วไป (สัดส่วน 66%) หดตัว 39%YoY จากการลดลงของการให้บริการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา การให้บริการตรวจคัดกรองและผู้ป่วยโควิด-19 ที่ชำระเงินเองหรือเบิกจากประกัน อย่างไรก็ดี รายได้ผู้ป่วยประกันสังคม (สัดส่วน 34%) โตดีขึ้น 14%YoY จากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น 8.3%YoY ขณะที่ EBITDA margin ลดลงสู่ 22.3% (1Q65 = 41.7%, 4Q65 = 23.2%) ตามทิศทางรายได้ที่หดตัวลง

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการช่วงที่เหลือของปี 66 คาดจะเติบโตดีขึ้นรายไตรมาส ตั้งแต่งวด 2Q66 เป็นต้นไป สนับสนุนจาก 1) การปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคมจาก 1,640 บาท/คน เป็น 1,808 บาท/คน หรือราว 10% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.66 2) จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เริ่มปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่หลังช่วงสงกรานต์และโรงเรียนเปิดเทอม ทำให้มีคนไข้เฉลี่ย 170-200 คน/วัน เทียบกับไตรมาสแรกแทบไม่มีรายได้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 3) ขยายการให้บริการใหม่ๆ อาทิ นวัตกรรมลดน้ำหนัก และ MOU ส่งชาวจีนมารับบริการ IVF และ Anti-Aging เป็นต้น และ 4) ช่วง 2H66 จะเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 66 ราว 1,683 ลบ. -45%YoY (หดตัวจากฐานสูงที่มีรายได้โควิด-19) และราคาเหมาะสม 21.10 บาท Upside 19% แนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) SSP (Bloomberg consensus 10.21 บาท) แย้มศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2566 สรุปได้อย่างน้อย 2 ดีล ขนาดกว่า 100 เมกะวัตต์ เตรียมงบ 3-4 พันล้านบาท รองรับการลงทุนในปีนี ด้านแนวโน้มไตรมาส 2/2566 คาดโตดีกว่าไตรมาสแรก หลังเข้าไฮซีซันแดดแรง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) HFT (Bloomberg consensus 5.00 บาท) ลงทุนขยายไลน์ผลิตล้อรถมอเตอร์ไซค์ รับคำสั่งผลิต ล้อรถมอเตอร์ไซค์ล็อตใหญ่ ควบบุกตลาดล้อรถจักรยานไฟฟ้าจีน อยู่ระหว่างขอ มอก. รัฐบาลจีน คาดส่งสินค้าล็อตแรก Q3/2566 ปลื้มยอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงหนุนกำไรขั้นต้นทั้งปีโตดีกว่าคาด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) WHA (Bloomberg consensus 4.89 บาท) เล็งปรับเป้ายอดขายที่ดิน-โลจิสติกส์ใหม่ หลังเปิดประเทศลูกค้าต่างชาติเรียงคิวเข้าเจรจาต่อเนื่อง คาดปิดครึ่งแรกปีนี ยอดขายที่อาจพุ่งแตะ 1.3 พันไร่ จากเป้า 1.75 พันไร่ อวดยังมี LOI ลูกค้าในมืออีกกว่า 753 ไร่ ตุนแบ็กล็อกในมือแน่น 675 ไร่ ด้านโลจิสติกส์จบไตรมาส 2/2566 สัญญาเช่าระยะสั้นทะลุเป้า 1 แสนตารางเมตร (ที่มา ทันหุ้น)

(+) VGI (Bloomberg consensus 4.60 บาท) ผลงานประจำปี 2565/66 บุ๊กรายได้ 4,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6%YoY จากการฟื้นตัวของสื่อโฆษณานอกบ้านและการเติบโต ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล ตั้งเป้าผลการดำเนินงานปี 2566/67 จะมีรายได้อยู่ที่ 6,000-6,500 ล้านบาท หนุนจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และภาคการท่องเที่ยว (ที่มา ทันหุ้น)