Daily Strategy : Selective buy - 1 มิถุนายน 2566

Daily Strategy : Selective buy - 1 มิถุนายน 2566

ตลาดหุ้นวานนี้ SET Index ลดลง 1 จุด (-0.04%) ปิดที่ระดับ 1,534 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมี MSCI Rebalance มีผลบังคับโดยใช้ราคาปิด 31 พ.ค.2023

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้      

ประเมิน SET  แกว่งตัว 1,525  1,545 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นอีกทั้งคาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามผลโหวตเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ นอกจากนี้ Fund flow ต่างชาติที่ขายต่อเนื่องและราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงหลัง PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนพ.ค.หดตัวลงจะกดดันต่อกลุ่มพลังงานและทิศทางการลงทุน จึงแนะนำ Selective buy ต่อไป

 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

BBL KTB TTB KBANK SCB SAPPE ICHI แนวโน้มกำไร 2Q23 ยังคงเติบโต

AMATA WHA ROJNA NYT อานิสงส์ค่ายรถ EV ตั้งฐานการผลิตในไทย

คาดการณ์หุ้นเข้ารอบใหม่ SET50 ( TLI, WHA ) / SET100 ( AEONTS, AURA, BA, BTG, MBK, SISB, SNNP, TASCO, TLI 

 

หุ้นแนะนำวันนี้

SAWAD (ปิด 55.75 ซื้อ/เป้า IAA Consensus  61 บาท) แรงกดดันจากดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุด ประชุม กนง.วานนี้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดแต่ในมุมมองของเราคาดว่าจะเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายเป็นบวกต่อกลุ่มไฟแนนซ์ 

ERW (ปิด 4.14 ซื้อ/เป้า 5.80) ราคาหุ้นปรับลงกังวลงบ 2Q23 ชะลอตัวจาก low season แต่หากมองในเชิงโมเมนตัมคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและจะเร่งขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ มิ.ย.จากการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้กับจีน

 

 

 

บทวิเคราะห์วันนี้

ALLY (UNRATED), Commerce sector

 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ดาวโจนส์ปรับตัวลงกังวลเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจากตัวเลขตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลง 135 จุด (-0.41%) ปิดที่ระดับ 32,908 จุด ตลาดปรับโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ขึ้นเป็น 66.4% หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขเปิดรับสมัครงาน (JOLTS) เพิ่มขึ้น 358,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.1 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 9.375 ล้านตำแหน่ง

(+/-) แบงก์ชาติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด และคงคาดการณ์ GDP ปีนี้และปีหน้าตามเดิม: กนง.มีมติเป็นเอกฉัณฑ์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2% (ทิศทางดอกเบี้ยอนาคตขึ้นอยู่กับข้อมูลและปัจจัยแวดล้อม หรือ data dependent) ส่วนมุมมอง ศก. แบงก์ชาติคงคาดการณ์ GDP ปีนี้และปีหน้าตามเดิมที่ระดับ 3.6% และ 3.8% ตามลำดับ

(-) ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเดือน เม.ย.พลิกเป็นขาดดุลครั้งแรกในรอบ 3 เดือน: โดยไทยมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน เม.ย.ที่ 476 ล้านเทียบ เทียบกับเดือน มี.ค.เกินดุลที่ 4,779 ล้านเหรียญ เป็นผลจากไทยมียอดเกินดุลการค้าลดลง ขณะที่ดุลบริการและเงินโอนพลิกเป็นขาดดุล (ต่างชาติโอนเงินกลับหลังได้รับเงินปันผล และ รายรับจากท่องเที่ยวลดลงเพราะส่วนใหญ่เป็นกลุ่มระยะใกล้ (Short haul)