วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เศรษฐกิจโลกแกร่ง ระวังเฟดส่งสัญญาณตึงตัว

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เศรษฐกิจโลกแกร่ง ระวังเฟดส่งสัญญาณตึงตัว

IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ สู่ 3% และคงประมาณการปีหน้า IMF ออกรายงานมุมมองเศรษฐกิจ ฉบับ ก.ค.66 (WEO July 2023 – Near-term resilience, persistent challenges) โดยคาดการณ์ GDP โลกปี 2566-67 ที่ 3% และ 3% (จากเดิม 2.8% และ 3.0%)

ทั้งนี้การปรับเพิ่มคาดการณ์เติบโตปี 2566 โดยหลักมาจากการปรับเพิ่มประมาณการของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนา (Advanced Economies) ได้แก่ สหรัฐฯ (1.8% จาก 1.6%) และยุโรป (0.9% จาก 0.8%) ซึ่งมุมมองดังกล่าวค่อนข้างสอดคล้องกับรายงานของ OECD ที่ออกมาเมื่อ 7 มิ.ย. ทั้งนี้ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นจะช่วยลดทอนโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยแบบรุนแรง (Hard landing) แต่จะยังมีโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคในระยะ 1-2 ไตรมาสได้ ขณะที่ช่วงสั้นมีโอกาสที่จะทำให้ธนาคารกลางสำคัญๆ ยังส่งสัญญาณการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวไปอีกระยะซึ่งอาจจะทำให้โมเมนตัมตลาดทุนโลกระยะสั้นลดความเป็นบวกลงหรือมีแรงทำกำไรสลับได้

หุ้นไทยคาด downside ไม่เยอะ แต่การเมืองจำกัดการเคลื่อนไหวเชิงบวกของตลาด เราประเมินคาดความเสี่ยงทางลงของหุ้นไทยจะไม่มาก เมื่อพิจารณาจากทิศทางของน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ประมาณการกำไรบจ.ในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสถูกปรับเพิ่มมากกว่าปรับลด อย่างไรก็ตามอัพไซด์ระยะสั้นจำกัดจากความล่าช้าของการเลือกนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาล หลังมีการเลื่อนประชุมเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อรอผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการห้ามเสนอรายชื่อซ้ำในการรับรองนายกรัฐมนตรี ทำให้ปัจจัยบวกจากการได้รัฐบาลเร็วหายไป และเพิ่มความเสี่ยงความล่าช้าของการใช้จ่ายภาครัฐที่จะกระทบต่อไตรมาส 4/66 ในเชิงจิตวิทยาจะมีแรงกดดันจนกว่าการเมืองจะเห็นความชัดเจนในการตั้งรัฐบาล ส่งผลให้ SET Index จะยังผันผวนในกรอบ 1,517-1,540 จุด ต่อไปอีกระยะ 
 

ภาพรวมกลยุทธ์: เลือกเก็งกำไรรายตัว แม้ในมุมบวกเศรษฐกิจโลกแข็งแกร่งจะลดความเสี่ยงของของการเกิดเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็จะเพิ่มความผันผวนที่มาจากการดำเนินนโยบายตึงตัวของธนาคารกลาง กลุ่มทีน่าสนใจช่วงนี้คือ 1) หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่เริ่มถูกหมุนมาเก็งกำไร 2) กลุ่มท่องเที่ยวที่ผลประกอบการจะออกมาดี 3) กลุ่มอิงภายนอกที่ดีต่อในครึ่งหลังมีแค่พลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น (แต่ระยะสั้นอาจต้องระวังผลประกอบการ) ขณะที่ปิโตรเคมีจะแย่ยาว ทำให้เหมาะแค่การเก็งกำไรยังไม่เน้นถือยาว 

หุ้นแนะนำ: ESSO*, BABA80*, ASW*, TPCH*

แนวรับ: 1,510-1,517 / แนวต้าน : 1,535-1,540 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

BAM ชงบอร์ดขอวงเงินเพิ่ม ลุยซื้อหนี้เสีย - ต้นเดือน ส.ค. เตรียมขอเพิ่มวงเงินซื้อหนี้เพิ่มประมาณ 5-7 พันล้านบาท หนุนยอดซื้อหนี้รวมปีนี้ทะลุเป้ารอบสอง ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจผลประกอบการปีนี้เติบโตโดดเด่น พร้อมเล็งขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

TKC-AIT ผนึกใหญ่ไอที SABUY ดูแลเงิน - SABUY เบนเข็มขายแลกหุ้น AIT ให้ TKC แทน TKS ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมยอมขายแลกหุ้นด้วย ส่งผลให้ TKC เข้าถือหุ้นใหญ่ AIT สัดส่วน 24.95% ขณะที่ SABUY เข้าถือหุ้น TKC 17.72% SABUY จ่อรับทำหน้าที่บริหารเงินสดมากกว่า 2 พันล้านบาท ด้าน TKS ชี้ยังเป็นพันธมิตร SABUY

 

รฟม.บริสุทธิ์สายสีส้ม BEM ลุ้นเซ็นไตรมาส 4 – ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดีปรับหลักเกณฑ์การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม รอบ 2 ผู้ว่ารฟม.ย้ำรอเสนอครม. เห็นชอบผลประมูลรอบ 2 ก่อนกำหนดวันเซ็น BEM ลง พร้อมเร่งรัดเปิดใช้บริการศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ใน 2 ปีครึ่ง นักวิเคราะห์ชี้หากตั้งรัฐบาลไตรมาส 3 มีสิทธิเซ็น Q4  

 

ประเด็นติดตาม: 26 ก.ค. – US New Homes Sales, Fed Interest Rate Decesion/ 27 ก.ค. – ECB Interest Rate Decision, US GDP, TH Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)