วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก TNP กำไร 2Q66 โตดีในทิศทางเดียวกับที่คาด
งวด 2Q66 มีกำไร 37.8 ลบ. +10.5%YoY +4.4%QoQ ในทิศทางเดียวกับที่คาด: งวด 2Q66 บริษัทมีรายได้จากการขาย 643.8 ลบ. +11.2%YoY +3.6%QoQ เติบโตแม้จะไม่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนปีก่อน
ซึ่งโดยหลักมาจากการขยายสาขาใหม่ 1 แห่ง สู่ทั้งหมด 43 สาขา (+4 สาขา YoY +1 สาขา QoQ) ประกอบกับ อัตราการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น 1.9%YoY จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ %GPM อยู่ที่ระดับ 16.96% (2Q65 = 17.39%, 1Q66 = 17.00%) ทรงตัว QoQ แต่อ่อนลง YoY จากต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ส่วน %SG&A/Sales ทรงตัวที่ระดับ 10.61% (2Q65 = 10.60%, 1Q66 = 10.26%) ส่งผลให้งวด 2Q66 มีกำไร 37.8 ลบ. +10.5%YoY +4.4%QoQ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่คาด และกำไร 1H66 เท่ากับ 74.1 ลบ. +5.8%YoY และคิดเป็น 45% ของประมาณการทั้งปี 66 ที่ 165 ลบ. +11%YoY
• คาดผลประกอบการ 2H66 จะโตดีต่อเนื่อง YoY และ HoH จากแผนขยายสาขาอีก 4 แห่ง : เราคาดผลประกอบการช่วง 3Q66-4Q66 จะมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องซึ่งจะเติบโตรายไตรมาส สะท้อนจาก SSSG ช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมาที่ยังโตราว 2-3%YoY ส่วนไตรมาส 4 จะเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ นอกจากนี้ ในช่วง 2H66 บริษัทยังมีแผนขยายสาขาอีก 4 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นสาขาขนาดใหญ่เนื้อที่ 1,000 ตร.ม. (ปกติขนาดเนื้อที่เฉลี่ย 350 ตร.ม./สาขา) ซึ่งจะเป็น Flagship Store ที่ จ.เชียงราย โดยคาดจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งสาขาดังกล่าวบริษัทจะขยายขอบข่ายการจำหน่ายสินค้าประเภทอื่นๆที่มาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีโอกาสที่ %GPM จะปรับดีขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ เรายังคงประมาณการรายได้และกำไรปี 66 ราว 2,699 ลบ. +11%YoY และ 165 ลบ. +11%YoY ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการปี 66 ยังไม่ได้รวมอัพไซต์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเติมหลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ อาทิ กระเป๋าดิจิทัล บัตรสวัสดิการฯ หรือคนละครึ่ง เป็นต้น
• คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเหมาะสมปี 66 ลงสู่ 4.62 บาท (เดิม 5.75 บาท) : เราปรับราคาเหมาะสม TNP ปี 66 ลงสู่ 4.62 บาท จากเดิม 5.75 บาท โดยปรับลด Prospective PER ลงสู่ 22.4x เท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี จากเดิมที่ระดับ 27.5x (5Yr-AVG +1.5SD) สะท้อนอัตราการเติบโตที่กลับเข้าสู่ระดับปกติหลังจากไม่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด (Table1) และคงคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 66 ราว 0.21 บาท คำนวณเป็นราคาเหมาะสมใหม่เท่ากับ 4.62 บาท มีอัพไซต์ 38% และจ่ายปันผลในอัตราราว 3% ต่อปี ส่งผลให้เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ปัจจัยเสี่ยง
i) แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก
ii) แผนการขยายสาขาไม่เป็นไปตามเป้า
iii) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเริ่มชะลอลง
iv) ภาครัฐหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ
v) ภาครัฐปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
