วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SAWAD ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ผลประกอบการใน 2Q66 ออกมาน่าผิดหวังเพราะมีการตั้งสำรองก้อนใหญ่ ซึ่งบริษัทชี้แจงว่าเป็นเพราะมีรายการที่ไม่ปกติหลายรายการ
ได้แก่ 1) สำรอง 90 ล้านบาทสำหรับธุรกิจ AMC (สำหรับหนี้ปลอดหลักประกันที่ซื้อเข้ามาในช่วงที่ COVID ระบาด 2) สำรอง 60 ล้านบาทสำหรับผลขาดทุนจากสินเชื่อในเวียดนาม 3.) สำรองฯ 70 ล้านบาทสำหรับ management overlay แต่หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) จะอยู่ที่ประมาณ 1.6% เท่านั้น (จากที่บันทึกจริง 2.6% ใน 2Q66)
การดำเนินงานของ Fast Money
SAWAD ซื้อกิจการ Fast Money กลับมาใน 2Q66 (สินเชื่ออยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้พอร์ตสินเชื่อของ SAWAD เพิ่มขึ้น 18%) โดย yield ของสินเชื่อ FM อยู่ที่ 15% แต่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่คิดจากสินเชื่อที่จะทยอยต่ออายุจะสูงขึ้นหลังจากที่กลับมาอยู่ภายใต้ SAWAD ซึ่งสินเชื่อกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มทั้งรายได้ และมาร์จิ้น ให้กับ SAWAD ในปี 2567
ปรับลดอัตราการเติบโตของสินเชื่อ H/P ลง แต่เน้นเพิ่มอัตรากำไร
บริษัทส่งสัญญาณว่าจะใช้กลยุทธ์ชะลอการขยายสินเชื่อ H/P รถมอเตอร์ไซค์ แต่จะเน้นเพิ่มอัตรากำไรแทน โดยในช่วงที่บริษัทเน้นขยายสินเชื่อเชิงรุกในช่วงปี 2565-1H66 (สินเชื่อขยายตัวจาก 6 พันล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2564 เป็น 3.4 หมื่นล้านบาทใน 2Q66) บริษัทต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น ให้ดีลเลอร์ (ประมาณ 7-8,000 บาท/คัน) ซึ่งทำให้สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ (C/I) เพิ่มขึ้นจาก <35% เป็น >40% ทั้งนี้ เนื่องจากทางการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ 23% บริษัทจึงปรับสัดส่วน LTV ลงเหลือ 70-90% และ
ปรับลดค่าคอมมิชชั่นลงเกือบครึ่ง เพื่อดึงให้สัดส่วน C/I กลับมาอยู่ระดับปกติ
ปรับประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ลง -5%/-3% และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 63 บาท(PE15x) ประมาณการกำไรใหม่ของเราสะท้อนถึง 1) การปรับเพิ่ม credit cost ปี 2566/2567 เป็น 1.8%/1.8% (จากเดิม 1.5%/1.5%) 2) การรวม Fast money เข้ามาในงบ โดยคาดว่า yield สินเชื่อจะอยู่ที่ปละ 18.5% 3) การปรับลดประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และปรับลดสัดส่วน C/I ลงเหลือ 42%/40% (จากเดิม 44%/42%) ทั้งนี้ ราคาหุ้น SAWAD ปรับลดลงมามากแล้วหลังจากที่บริษัทประกาศงบ 2Q66 ซึ่งทำให้เรามองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันน่าสนใจ และเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ แม้ว่าเราจะ de-rate PE ลงมาเหลือ 15x (จากเดิมที่ 16.5x) อิงจากประมาณการกำไร 2 ปี เพื่อสะท้อนถึงภาวะตลาดที่ยากลำบากจากประเด็นด้านการกำกับดูแล และการแข่งขัน ซึ่งทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 63 บาท (จากเดิมที่ 61 บาท) โดยเรายังคงคำแนะนำ ซื้อ SAWAD
Risks
NPL และ credit cost เพิ่มขึ้น