วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี CHG - แนวโน้มท้าทาย

และการปรับปรุงลดลงรายได้โควิด อัตรากำไรขั้นต้นใน 1H ยังต่ำเพียง 12.7% (ต่ำกว่าประมาณการของมาก) เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี FY23F-FY25F ลง 9%-12% และขยับราคาเป้าหมายเป็นกลางปี 2024 ซึ่งทำให้ราคาเป้าหมายลดลง 3% เป็น 3.50 บาท เรายังคงคำแนะนำ ถือ

 

กำไร 2H มีแนวโน้มสูงกว่า 1H…

สนับสนุนโดย (i) รับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัว 10.2% จาก SSO (1,808 บาท/คน/ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.) (ii) โครงการความร่วมมือกับ SSO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่ง CHG มีรายได้เพิ่มขึ้น 25% (iii) วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (iv) โรคระบาดมากขึ้นตามฤดูกาล (ไข้หวัดใหญ่, ไข้เลือดออก, มือเท้าปาก) และ (v)  CHG จะมีรายได้พิเศษจาก SSO สำหรับการรักษารายได้จากการภาระเสี่ยง ซึ่งตามปกติจะบันทึกใน 3Q/4Q 

 

 

… แต่การจะทำให้ได้ตามประมาณการปี FY23F ของเรายังเป็นเรื่องท้าทาย

กำไรสุทธิของ CHG ใน 1H23 อยู่ที่ 447 ลบ. (คิดเป็น 38% ของประมาณการกำไรปี FY23F ของเรา) โดยมีรายได้ 3.5 พันลบ. (44% ของประมาณการรายได้ปี FY23F ของเรา) และอัตรากำไรสุทธิ 12.7% (ต่ำกว่าสมมติฐานปี FY23F ของเราที่ 14.9% และต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 14-16%) โดยอัตรากำไรสุทธิได้รับผลกระทบจากขาดทุนจากโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอดที่เพิ่งเปิดใหม่ (ขาดทุน 17-18 ลบ.ใน 2Q และบริษัทคาดจะขาดทุนสุทธิประมาณ 50 ลบ.ปีนี้) และการปรับลดรายได้ 46 ลบ. สำหรับการรักษาโควิดจาก สปสช. (บริษัทยังมีความเสี่ยงนี้อยู่ เพราะยังมีรายได้ค้างรับเหลืออีก 500 ลบ. ณ สิ้น 2Q23)  บริษัทจะได้โควตา SSO เพิ่ม 50,000 รายปีหน้าเป็น 704,900 ราย (+9%) ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 แต่เราเชื่อว่าจะไม่เพิ่มรายได้ให้บริษัทมากนัก เพราะโรงพยาบาลยังมีโควตามากถึง 25,971 ราย ณ วันที่ 4 ก.ค.

 

ปรับประมาณการกำไร

เราปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ 12% เป็น 1.0 พันลบ. และปีหน้าลง 10% เป็น 1.3 พันลบ. และปี FY25F ลง 9% เป็น 1.5 พันลบ. เรายังคงประมาณการรายได้ แต่ปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี FY23F-FY25F ลง 1.9-2.3% เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดใน 1H