วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก นายกรัฐมนตรี คนที่ 30

แต่ระหว่างการโหวตเนื่องจาก มีสว.ลงมติเห็นชอบ "เศรษฐา" เป็นนายกรัฐมนตรี เกินกว่า 61 เสียง ทำให้เข้าใจได้ว่าเศรษฐา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอนแล้ว ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,545.60 จุด +19.75 จุด +1.29% มูลค่าการซื้อขาย 71,924 ลบ. ต่างชาติ +509.91 ลบ. TFEX +9,225 สัญญา ตราสารหนี้ +4,064.90 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ สหรัฐรายงานยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ค. -2.2%MoM -16.6%YoY สู่ระดับ 4.07 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ได้รับผลกระทบจากการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และสต็อกบ้านที่อยู่ในระดับต่ำ
+ ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือก"เศรษฐา ทวีสิน" จากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้รับเสียงสนับสนุน 482 ต่อ 165 งด 81 ส่วนพรรคก้าวไกลเตรียมพร้อมเป็นพรรคฝ่ายค้าน   

 

ปัจจัยลบ 

- ธปท.เปิดเผยถึงสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ใน 2Q66 ว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ สินเชื่อหดตัวเล็กน้อยที่ 0.4% จากการทยอยชำระคืนหนี้ของภาคธุรกิจ ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่ส่วนหนึ่งระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลง 174.86 จุด หรือ -0.51%ปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้ และการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจาก S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารระดับภูมิภาคหลายแห่งในสหรัฐ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 37 เซนต์ -0.5% ปิดที่ 80.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 นักลงทุนยังคงกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน และรายงานข่าวที่ว่าอิรักและตุรกีกำลังหารือกันเกี่ยวกับการรื้อฟื้นข้อตกลงการส่งออกน้ำมัน

 

 

- ประธาน FED สาขาริชมอนด์หนุน FED ขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อหลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้แก่ยอดค้าปลีกแข็งแกร่งกว่าคาดในเดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีดตัวขึ้น
- สภาการค้า EU ประจำจีนเตือนประเทศจีนว่ายังไม่ชัดเจนในเรื่องแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังจากเศรษฐกิจจีนออกอาการอ่อนแอในช่วง 2Q66 ส่งผลให้บรรดานักวิเคราะห์ต่างทยอยปรับลดการคาดการณ์ GDP ของจีน
- ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังมีอยู่ เดนมาร์กเริ่มฝึกนักบินยูเครนใช้เครื่องบินรบ F-16 หลังจากที่เดนมาร์กประกาศมอบเครื่องบินรบดังกล่าวให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้
- สำนักวิจัยต่าง ๆ มีแนวโน้มปรับลดประมาณการ GDP ปี 66 ในทิศทางเดียวกับสภาพัฒน์ ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกหดตัวมากกว่าคาด
- การจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 มีแนวโน้มล่าช้าออกไปอย่างน้อย 1 ไตรมาสซึ่งจะกระทบต่อการลงทุนภาครัฐในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ประมาณ 5-7 หมื่นล้านบาท หรือ 0.2-0.4 % ของ GDP ปี 66 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันทำให้เศรษฐกิจปี 66 มีแนวโน้มเติบโตได้ต่ำกว่าที่ประเมินไว้
- สนค. ประเมินว่าเงินเฟ้อ 1H66 ของไทยอยู่ที่ 2.49% ต่ำเป็นอันดับ 9 ของโลกจาก 130 ขณะที่ 2H66 อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำจากฐานคำนวณที่สูง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ตลอดจนผลจากการดำเนินมาตรการของภาครัฐทั้งมาตรการทางด้านการเงิน การคลัง และมาตรการลดค่าครองชีพอื่น

 

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้ปรับตัวขึ้นต่อหลังประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลทางการเมือง อีกทั้งพรรคเพื่อไทยเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเงินดิจิตอลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในสุดสัปดาห์นี้ซึ่งคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนี มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,540-1,560 จุด

 

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : STEC STPI SIRI SC SKY XPG
• FETCO แนะนำกลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการ : ERW CENTEL SPA
• iPhone 15 เปิดตัว ก.ย. : COM7 SPVI CPW SYNEX
• MSCI rebalance มีผล 1 ก.ย. : MSCI Global Standard Index เข้า TTB ออก CBG SAWAD MSCI Small cap index เข้า CBG COM7 ITC PSG SAWAD ออก PTL SINGER S
• หุ้นได้ประโยชน์จากกรณีญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีลงทะเล : TU ASIAN TC CFRESH

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

MASTER (Bloomberg Consensus 98.00 บาท)
คาดครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่น

•บริษัทมีรายได้ 2Q66 เท่ากับ 459 ล้านบาท +5%QoQ และ +23%YoY รายได้เพิ่มขึ้นในทุกหัตถการโดยเฉพาะ ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมดูดไขมัน ศัลยกรรมยุบโหนกตัดกราม ศัลยกรรมยกคิ้วและสุขภาพชาย เนื่องจากบริษัทฯ เพิ่มจำนวนแพทย์และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น ด้านต้นทุนการประกอบกิจการโรงพยาบาล ปรับตัวเพิ่มขึ้น +12%QoQ และ +25%YoY มีสาเหตุหลักมาจากค่าธรรมเนียมแพทย์ และต้นทุนยา เวชภัณฑ์และวัสดุสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 2Q66 เท่ากับ +14%QoQ แต่ลดลง –1%YoY โดย 1H66 มีกำไรสุทธิ 153 ล้านบาท +12%YoY

•คาดผลประกอบการ 2H66 เติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก จากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาส หลังจากเปิดห้อง OR ใหม่ 10 ห้อง ในช่วงปลายมิ.ย. 66 ประกอบกับได้แรงหนุนจากการเข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ 1. บริษัท ด็อกเตอร์เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล จำกัด (ถือ40%) ผู้ประกอบกิจการให้คำปรึกษาปัญหาเรื่องความสวยความงาม ทั้งด้านศัลยกรรมความงามครบวงจร การรักษาผิวหน้า และปรับรูปหน้า และ 2. บริษัท คิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ถือ40%) ผู้ประกอบธุรกิจสื่อโฆษณา รวมถึงรับจ้างทำสื่อโฆษณาทุกประเภท รวมเป็นเงินลงทุน 254.22 ล้านบาทซึ่งจะใช้เงินจาก IPO คาดว่าจะดำเนินการเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายใน 1Q67
 

•ความเห็น : เรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการช่วงที่เหลือของปี จากการเพิ่มจำนวนห้องผ่าตัดขึ้นเป็น 17 ห้อง จาก 7 ห้อง และการขยายห้องให้บริการในส่วนของ Skincare และการปลูกผม Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 66 เท่ากับ 449 ล้านบาท +49%YoY นอกจากนั้นบริษัทประกาศจ่ายหุ้นปันผล 10 หุ้นเดิม : 1 หุ้นใหม่ XD วันที่ 29 ส.ค. 66

 

หุ้นมีข่าว

(+) HANA (Bloomberg consensus 62.00 บาท) มองไตรมาส 3/2566 ดีมานด์แผงวงจร PCBA เติบโตแกร่ง ขณะที่กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันยังคงไม่เห็นการเติบโตแบบ V-Shape พร้อมอัดงบ 3.4 พันล้านบาท แก้ปัญหาคอขวด SiC คาดเริ่ม COD ต้นปี 2567 เป็นต้นไป พร้อมมองโอกาสลงทุนใหม่ต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) GUNKUL (Bloomberg consensus 5.25 บาท) รับเยอรมนีผ่านกฎหมายเปิดรับกัญชาเป็นโอกาสดีให้ส่งออก หนุนดีมานด์เพิ่มขึ้น ส่วนในประเทศเดินหน้ากัญชาการแพทย์ มั่นใจ 2 ปีคืนทุนตามแผน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAWAD (Bloomberg consensus 49.00 บาท) มั่นใจความต้องการเงินเสริมสภาพคล่องยังสูง หนุนพอร์ตสินเชื่อใหม่ทั้งปี 2566 พุ่งชนเป้าที่ 25-30% ย้ำชัดการตั้งสำรอง ECL งวดไตรมาส 3/2566 กลับสู่ภาวะปกติ ทั้งยังรับรู้รายได้-กำไรจาก "เงินสดทันใจ" เข้ามาเป็นไตรมาสแรกอีกด้วย แจงชัดกลุ่มบริษัทปรับแนวทางการพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์กำกับดูแล (ที่มา ทันหุ้น)

(+) DTCENT (Bloomberg consensus - บาท) กางแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 ลุยเปิดศูนย์บริการและขายสินค้า GPS Tracking ตามหัวเมืองใหญ่ให้ครบ 8 แห่งภายในปี 2566 เน้นขยายตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่ม ขณะที่งาน IoT Solution-AI คว้างานระบบ AI เพื่อบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำของกทม. หนุนผลงานปี 2566 เติบโต 10-15% (ที่มา ทันหุ้น)