วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ แกว่งตัวโดยมีแรงส่ง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ แกว่งตัวโดยมีแรงส่ง

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังหนุนมุมมองเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย แม้การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) จะออกมาที่ 1.87 แสนตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาด 1.7 แสนตำแหน่ง แต่อัตราการว่างงาน (Unemployment rate) ที่ขยับขึ้นไปแตะ 3.8% จากตลาดคาด 3.5%

ทำให้ความคาดหวังของตลาดและนักลงทุนยังมองไปที่การหยุดขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม 20 ก.ย. โดยล่าสุด Fedwatch Tool แสดงถึงความ่นาจะเป็นในการคงดอกเบี้ยที่ 93% (จาก 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ 80%) ทำให้บรรยากาศลงทุนยังน่าจะเป็นการเก็งกำไรเชิงบวกที่ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรง

โปรดเกล้าแต่งตั้งครม.เศรษฐา 1 วันที่ 2 ก.ย. ราชกิจจานุเบกษาประกาศรายชื่อ ครม. เศรษฐา 1 ครม.จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตอน 5 ก.ย. และคาดว่าจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในช่วง 8-11 ก.ย. ทั้งนี้นโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ตลาดจับตา ได้แก่ 1) พักหนี้เกษตรกร 3 ปี 2) สนับสนุนรายได้ให้ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท 3) กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท 4) เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท 5) ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 6) รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย 7) แก้ไขกฎหมายเพื่อยกเลิกการเกณฑ์ทหาร 8) การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 
 

ผลกระทบนโยบายรัฐบาลใหม่ต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและไฟฟ้า เรามีมุมมองต่อแนวโน้มนี้ 1) กลุ่มพลังงานและโรงกลั่นจะได้อานิสงค์ การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่หนุนการฟื้นตัวของกำไรไตรมาส 3/66 อย่างแข็งแกร่ง 2) การปรับลดราคาขายปลีกน้ำมัน ทำให้หุ้นกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน ได้ปรับผลกระทบเชิงลบระยะสั้นจากสต็อคเดิมที่ราคาสูง แนะนำรอซื้อเมื่ออ่นตัว PTG และ OR 3) การปรับลดค่าไฟ น่าจะมีการประกาศปรับลดค่า Ft ซึ่งจะกระทบกับกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าที่ขายไฟกับภาคเอกชน หรือผู้ผลิตแบบ SPP และกลุ่มพลังงานทดแทนที่ค่าไฟมีการผูกกับ Ft ได้แก่ BGRIM, GPSC, EA เป็นต้น 

ภาพรวมกลยุทธ์: ภาพรวมบรรยากาศลงทุนเป็นบวกในกรอบ 1,550-1,600 จุด  กลุ่มที่น่าสนใจช่วงนี้คือ 1) หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่มีการถือครองต่ำ 2) กลุ่มที่ผลประกอบการครึ่งปีหลังจะออกมาดีหรือดีต่อเนื่อง ได้แก่ พลังงาน ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ 3) หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว 4) กลุ่มไฟแนนซ์ จากความหวัง Digital wallet เพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ // หุ้นเด่นที่เราชอบในช่วง ก.ย.-ธ.ค. ได้แก่ PTTEP, TOP, PTG, OR / CPAXT, TIDLOR / AOT, AWC, SPA / CPN, AP

หุ้นแนะนำ: CPN*, TOP*, VRANDA*, MENA*

แนวรับ: 1,555 / แนวต้าน : 1,580 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

อัตราการว่างงานสหรัฐฯ พุ่ง – การจ้างงานของสหรัฐฯ เติบโตสูงขึ้นในเดือน ส.ค. แต่ทว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8% และค่าจ้างเพิ่มขึ้นระดับปานกลาง ซึ่งบอกเป็นนัยว่าสภาวะตลาดแรงงานกำลังผ่อนคลาย และทำให้เกิดความคาดหวังร่วมกันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.นี้ 

ดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจส.ค.แผ่ว - ธปท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจไทยเดือน ส.ค.2566 ปรับลดลงเล็กน้อย เหตุค่าครองชีพสูงกดดันกำลังซื้อ ส่วนผู้ประกอบการอ่วมภาวะต้นทุนพุ่งต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก (RSI) ต่ำกว่าระดับ 50 ยาว 3 เดือนติด ลุ้นอีก 3 เดือนหน้าฟื้น อานิสงส์ตั้งรัฐบาลชัดเจน หวังมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อชุดใหม่ออกต้นปี 2567

BA Q3 โตรับไฮซีซั่นของยุโรป - โชว์สมุยเป็นจุดหมายยอดนิยม ส่วน 4Q23 เริ่มมียอดจองล่วงหน้าแล้ว คงเป้าปีนี้รายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท ผู้โดยสาร 4.4 ล้านคน ย้ำแผนล้างขาดทุนสะสม 1.3 หมื่นล้านบาท 

JKN แผนคืนหนี้ไร้ทิศทาง – เผยหนี้หุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระ 443.40 ล้านบาท กำหนดวันชำระใหม่แล้ว แต่ต้องรอที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้อนุมัติ 29 ก.ย.นี้ ฟุ้งเตรียมแผน A B และ C รองรับไว้แล้ว แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เล็งหาเงินกู้ระยะยาวมาแทนเงินกู้ระยะสั้น หวังแก้ปัญหาขาดสภาพคล่องชำระหุ้นกู้ ลั่นจะไม่มีการลงทุนธุรกิจใดเพิ่มแล้ว 

 

ประเด็นติดตาม: 5 ก.ย. - CH PMI, EU PMI/ 6 ก.ย. - US PMI/ 7 ก.ย. – CH Exports, EU GDP, US Initial Jobless Claims, TH Consumer Confidence

 (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)