วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ความเสี่ยงนโยบายของรัฐบาลใหม่

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ความเสี่ยงนโยบายของรัฐบาลใหม่

หุ้นไทยปรับฐานลงมาถึงแนวรับที่ควรเริ่มจับตา หุ้นไทยปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 โดยมีปัจจัยหลักมาจาก 1) แรงขายทำกำไรหลังหุ้นหลายตัวปรับขึ้นพอสมควร ขณะที่ตลาดทดสอบแนวต้าน 1,580 จุด

2) แม้มาตรการลดค่าไฟ ลดราคาน้ำมัน และนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป จะเป็นบวกในแง่ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อ แต่อาจมีผลกระทบเชิงลบระยะสั้นต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน 3) ปัจจัยเฉพาะตัวของ TOP จากกรณีน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนถ่ายเกิดการรั่วไหล ทำให้ตลาดนึกถึงกรณีน้ำมันรั่วของ PTTGC (27 ก.ค.56) และ SPRC (25 ม.ค.66) ที่ราคาปรับลดลง 11% และ 7% ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ต่อมา ทั้งนี้หากราคาหุ้น TOP มีการปรับตัวลดลงต่อ เรามองจะเข้าสู่ระดับราคาที่น่าสนใจต่อการซื้อ // สำหรับการปรับตัวลงเร็วของ SET Index สู่โซนแนวรับบริเวณ 1,540-1,550 จุด เป็นระดับที่เริ่มน่าสนใจในระยะสั้น
 

ผลกระทบนโยบายรัฐบาลใหม่ต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและไฟฟ้า เรามีมุมมองต่อแนวโน้มนี้ 1) กลุ่มพลังงานและโรงกลั่นจะได้อานิสงค์ การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่หนุนการฟื้นตัวของกำไรไตรมาส 3/66 อย่างแข็งแกร่ง หุ้นเด่นในกลุ่มในคือ PTTEP และ TOP 2) การปรับลดราคาขายปลีกน้ำมัน จำให้หุ้นกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน ได้ปรับผลกระทบเชิงลบระยะสั้นจากสต็อคเดิมที่ราคาสูง แนะนำรอซื้อเมื่ออ่นตัว PTG และ OR 3) การปรับลดค่าไฟ น่าจะมีการประกาศปรับลดค่า Ft ซึ่งจะกระทบกับกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าที่ขายไฟกับภาคเอกชน หรือผู้ผลิตแบบ SPP และกลุ่มพลังงานทดแทนที่ค่าไฟมีการผูกกับ Ft ได้แก่ BGRIM, GPSC, EA เป็นต้น อย่างไรก็ตามผู้ผลิตจะได้รับชดเชยราคาก๊าซในช่วงต้นปีที่สูงเกินไป ทำให้กำไรไตรมาส 3/65 จะออกมาดี ขณะที่ผลกระทบค่า Ft จะไปเห็นในช่วงไตรมาส 4/66 แทน ทำให้ราคาปัจจุบันเป็นโอกาสซื้อลุ้นฟื้นตัว เน้นเลือก BGRIM
 

ไทม์ไลน์การเมืองในประเทศ 5 ก.ย. ถวายสัตย์ปฏิญาณตน / 6 ก.ย. ประชุมครม.นัดพิเศษ / 11 ก.ย. แถลงนโยบายต่อรัฐสภา / 12 ก.ย. ประชุมครม.นัดแรก 

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดปรับฐานสู่แนวรับ 1,540-1,550 จุด ซึ่งเป็นระดับที่มีโอกาสลุ้นฟื้นตัว กลุ่มที่น่าสนใจช่วงนี้คือ 1) หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่มีการถือครองต่ำ 2) กลุ่มที่ผลประกอบการครึ่งปีหลังจะออกมาดีหรือดีต่อเนื่อง ได้แก่ พลังงาน ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ 3) หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // หุ้นเด่นที่เราชอบในช่วง ก.ย.-ธ.ค. ได้แก่ PTTEP, TOP, PTG, OR / CPAXT, TIDLOR / AOT, AWC, SPA / CPN, AP

หุ้นแนะนำ: BGRIM*, TOP*, VRANDA*, KSL*

แนวรับ: 1,540 / แนวต้าน : 1,560 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

ตลาดน้ำตาลราคาพุ่ง อินเดียห้ามส่งออก – อินเดียซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำตาลรายใหญ่ของโลก ประสบกับปัญหาภัยแล้ง และภาวะฝนขาดช่วงในฤดูมรสุมใน 2 รัฐ ซึ่งมีผลผลิตน้ำตาลของรวมกันคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งทำให้ผลผลิตน้ำตาลของฤดูกาลผลิตปี 2566/67 ลดลง 3.3% และอาจส่งผลต่อการเพาะปลูกในฤดูกาลผลิตปี 2567/68 

OR รุกธุรกิจเฮลท์แคร์- ลุยบิวตี้สโตร์ เริ่มเฟสแรก 1Q24 ล่าสุดเจรจาพันธมิตร รุกเปิดโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นในปั๊มน้ำมัน ราคาประหยัด กระจายตามหัวเมืองทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง ส่วนผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง หลังธุรกิจน้ำมันและนอนออยล์ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ยันลดราคาดีเซลไม่กระทบ เหตุมีพอร์ตใหญ่นอกปั๊มมาร์จิ้นสูงมาชดเชย 

TQM ประกันรถ EV มาแรง - ธุรกิจประกันภัยครึ่งปีหลังบูม มองแนวโน้มประกันรถยนต์ บ้าน และสุขภาพ มีความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า 5-10% ด้านประกันภัยรถยนต์อีวี มีอัตรากำไรสูง 30-40% หนุนมาร์จิ้นธุรกิจมากขึ้นในอนาคต พร้อมมองหาโอกาสทำ M&A สร้างการเติบโต เตรียมส่งบริษัทย่อยเข้าระดมทุนต่อยอด 

ASW ปิดดีลเข้าซื้อ TITLE – หลังทำ Tender Offer แล้วเสร็จ รวมถือหุ้น 67.71% ลุยขยายตลาดอสังหาภูเก็ต วางแผนต่อยอดสู่เซ็กเตอร์โรงแรมและท่องเที่ยวในอนาคต เตรียมเปิดตัวคอนโด 2 โครงการใหม่ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ล็อกเป้าหมายดันรายได้ TITLE ในช่วง 3 ปีข้างหน้า แตะ 10,000 ล้านบาท

 

ประเด็นติดตาม: 5 ก.ย. - CH PMI, EU PMI/ 6 ก.ย. - US PMI/ 7 ก.ย. – CH Exports, EU GDP, US Initial Jobless Claims, TH Consumer Confidence

 (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)