วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ มีแรงซื้อกลับในหุ้นที่ปรับตัวลงในวันก่อนหน้า เช่นกลุ่มโรงไฟฟ้า ไอซีที ส่วนแรงขายมาจากหุ้นกลุ่มธนาคาร

โดยกระทรวงพาณิชย์ รายงาน CPI เดือนส.ค. ขยายตัว 0.88% มากกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย (ตลาดคาดที่ 0.61-0.70%) และ Core CPI ส.ค. +0.79% นอกจากนี้สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ปรับเป้าส่งออกปีนี้เป็น -1% จากเดิมคาด -0.5 ถึง 1% ตามภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,547.86 จุด -0.82 จุด -0.05% มูลค่าการซื้อขาย 42,853 ลบ. ต่างชาติ -1,527.87 ลบ. TFEX -14,697 สัญญา ตราสารหนี้ -2,825.44 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ +1.3% ปิดที่ 86.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ขานรับข่าวซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศขยายเวลาการปรับลดอุปทานน้ำมันโดยสมัครใจจนถึงสิ้นปี 2566
+ แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 5.6% ใน 3Q66 (ลดลงจากครั้งก่อนรายงาน 5.9%) หลังจากมีการขยายตัว 2.0% และ 2.1% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ
+ โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ขณะนี้มีโอกาสเพียง 15% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งลดลงจากโอกาส 20% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลง และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟด อาจไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 195.74 จุด หรือ -0.56% โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด และจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐอย่างใกล้ชิด ก่อนที่การประชุมเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้
- ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนอยู่ที่ระดับ 51.8 ลดลงจากระดับ 54.1 ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI เดือนส.ค.ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน เนื่องจากการชะลอตัวของอุปสงค์ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถทำให้การอุปโภคบริโภคฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
 

- กระทรวงพาณิชย์แถลงดัชนี CPI ในเดือน ส.ค.66 อยู่ที่ 108.41 บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.88% จากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานในตลาดโลกที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และก๊าซหุงต้มในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 8M66 เพิ่มขึ้น 2.01%
- ธปท. เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยใน 2Q66 ต่ำกว่าคาด ขยายตัวเพียง 1.8% ทำให้การประชุม กนง. ในเดือน ก.ย.นี้ จะปรับประมาณการ GDP ปี66 จากคาดว่าจะขยายตัว 3.6% ต้องปรับลด ลงทั้ง GDP และเงินเฟ้อ
- ฟิทช์ เรตติ้งห่วงจัดตั้งรัฐบาลผสมส่งผลกระทบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ซับซ้อน-ล่าช้า

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,540-1,555 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : STEC STPI SIRI SC SKY XPG
• หุ้น mai ได้ประโยชน์จากนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยว : SPA AU D RP
• iPhone 15 เปิดตัว 12 ก.ย. : COM7 SPVI CPW SYNEX
• ราคาน้ำตาลปรับตัวขึ้น : KBS KSL KTIS BRR
• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล : TNP KK CPALL CPAXT STEC CK ITD

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

PJW (ราคาเหมาะสม 7.00 บาท)
ราคาเม็ดพลาสติกและค่าพลังงานที่ปรับลดลง หนุนอัตรากำไรขั้นต้น

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

 

•บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 2Q23 เท่ากับ 943.8 ล้านบาท ลดลง -4.1%QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังเติบโต +1.6%QoQ เกิดจากยอดขายในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในส่วนของชิ้นส่วนยานยนต์พลาสติก งานพ่นสีและทูลลิ่งเพิ่มขึ้นจากงานนิวโมเดล ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 20.5% เพิ่มขึ้นจาก 18.5% ในไตรมาสก่อน และ 14.7% ใน 2Q22 เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติกและค่าพลังงานที่ปรับลดลง รวมถึงบริษัทมีการบริหารต้นทุนการผลิตได้ดี ส่งผลให้ 2Q23 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 41.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +6.6%QoQ และ +281.5%YoY

•คาดผลประกอบการปี 23 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว นอกจากนี้บริษัทยังได้เข้าซื้อธุรกิจ Laundry ในช่วงปลายปี 22 ที่ผ่านมา และมีแผนขยายเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติก ซึ่งจะเป็น New S-curve ใหม่ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปลายปี 24 (ยังไม่รวมในประมาณการ) เราประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 23 ราว 3,671.9 ล้านบาท และ 188.2 ล้านบาท เติบโต +9.9%YoY และ +125.4%YoY ตามลำดับ

ความเห็น : เรามองว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 22 ที่ผ่านมา ประเมินราคาเหมาะสมอิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปีที่ระดับ 21 เท่า ได้ราคาเหมาะสมปี 23เท่ากับ 7.00 บาท คงคาแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) BCH (Bloomberg consensus 21.50 บาท) ผู้บริหาร BCH ชี้จีนเข้าไทยเพิ่ม โรงพยาบาลได้ประโยชน์ คาดคนไข้ต่างชาติเกิน 1.2 แสนรายในปีนี้ ดันรายได้ส่วนนี้โตกว่า 50% ฟันธง ไตรมาส 3 ผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการเพียบ มั่นใจทั้งปีรายได้แตะ 1.3 หมื่นล้านบาท เล็ง "เกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ" เริ่มก่อสร้างต้นปีหน้า (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SEAFCO (Bloomberg consensus 4.25 บาท) ประกาศเพิ่มเป้ารายได้ปี 2566 ทะยานแตะ 1.8 พันล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 1.5 พันล้านบาท ตุนแบ็กล็อกแน่น 1.1 พันล้านบาท คาดรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท ลุ้นงานใหม่เติมพอร์ตปีนี้อีกกว่า 9.5 พันล้านบาท คาดหวังได้ส่วนแบ่งงานไม่น้อยกว่า 28% มีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น ไม่หวั่นค่าแรงขั้นต่ำสามารถปรับเพิ่มตามต้นทุนได้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) HFT (Bloomberg consensus - บาท) จ่อรับออเดอร์ผลิตล้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และล้อรถกอล์ฟไฟฟ้าล็อตใหญ่ หนุนยอดขายครึ่งปีหลังเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งแรก แถมรักษามาร์จิ้น 18-22% ลั่นฐานลูกค้าล้อจักรยานยังแข็งแกร่ง รอจังหวะเติมสินค้าปีหน้า เล็งแตกไลน์ธุรกิจใหม่ขยายฐานลูกค้า (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TOP (Bloomberg consensus 62.00 บาท) ผ่อนคลายแล้ว ไม่พบคราบน้ำมันขนาดใหญ่ เป็นเพียงแค่แผ่นฟิล์มบางๆ บนผิวน้ำทะเลเท่านั้น ชี้สารเคมีขจัดคราบได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล เผยมีทุนประกันคุ้มครองครอบคลุมครบ (ที่มา ทันหุ้น)