วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SUN ภัยแล้งเป็นประเด็นหลักที่น่าเป็นห่วงในปีหน้า
ผลผลิตปีนี้ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จากข้อมูลของกรมชลประทาน ระดับน้ำในเขื่อนใหญ่ต่าง ๆ ในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าระดับปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ข้าวโพดหวานไม่ได้เป็นพืชที่ต้องการน้ำเยอะ และที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
ทั้งนี้ เนื่องจาก SUN มีผลผลิต และยอดขายข้าวโพดหวานที่ครอบคลุมไปจนถึงสิ้นปีนี้แล้ว ดังนั้น เราจึงคาดว่าผลการดำเนินงานของ SUN จะแข็งแกร่งในงวด 2H66F
แต่กระทบกับอุปทานในปี 2567F
อย่างไรก็ตาม เรามองแบบระมัดระวังมากขึ้นกับแนวโน้มอุปทานข้าวโพดหวานในปี 2567F และปรับลดประมาณการรายได้ลง 13% เหลือ 3.78 พันล้านบาท ทั้งนี้ SUN ได้เตรียมรับมือภาวะภัยแล้งด้วยการขยายพื้นที่เพาะปลูกไปยังภูมิภาคอื่น ๆ อย่างเช่น ภาคกลางตอนบน และภาคอีสาน เพื่อกระจายความเสี่ยงในกรณีที่เกิดภาวะภัยแล้งรุนแรงในบางพื้นที่ เรามองว่าผลกระทบต่อผลผลติจะไม่รุนแรงเท่ากับเมื่อปี 2562 ซึ่งปริมาณการผลิตข้าวโพดหวานลดลง 14% และ GPM ลดลงอย่างมากถึง 7.1ppts เหลือเพียง 7.5% เพราะสัดส่วนของผลผลิตพร้อมรับประทาน (เป็นสินค้าที่มี margin สูง) เพิ่มขึ้นเป็น 11% ในงวด 1H66 จากเพียง 4% ในปี 2562 ทั้งนี้ นอกจากภัยแล้งแล้ว เมื่อปี 2562 ยังมีประเด็นปัญหารุนแรงเรื่องยาฆ่าแมลงด้วย
ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 6% และปี 2567F ลง 15%
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SUN จะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2H66F อย่างไรก็ตาม เราได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F ลง 6% เหลือ 355 ล้านบาท (+144% YoY) เพื่อสะท้อนถึงผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในงวด 1H66 สำหรับในปี 2567F เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง 15% เหลือ 359 ล้านบาท เนื่องจากเราปรับลดประมาณการรายได้ลง 13% และปรับลดประมาณการ GPM ลง 0.3ppts เหลือ 18.4% ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ sensitivity ของเราพบว่า ค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 15% จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของ SUN ในปี 2567F ประมาณ 6% และ GPM ที่ลดลงทุก ๆ 1.0ppt จะกระทบกับกำไรสุทธิ 9%
Valuation & action
เราปรับลดคำแนะนำ SUN จากซื้อเป็นถือ SUN และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 5.85 บาท จากเดิมที่ 7.60 บาท (อิงจาก PER ที่ de-rate ลงมาอยู่ที่ 10.5x เท่ากับ -0.25S.D. จาก PER เฉลี่ยระยะยาวที่ 13.0x)
Risks
อัตราแลกเปลี่ยน, ต้นทุนวัตถุดิบและการขนส่งแพงขึ้น, และสภาพภูมิอากาศ