วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก อิสราเอลประกาศภาวะสงคราม
วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ และเร่งตัวลงในช่วงบ่าย จากแรงขายหุ้น Big Cap. ทั้งกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน การเงิน และไอซีที เป็นต้น โดยนักลงทุนติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,438.45 จุด -14.10 จุด -0.97% มูลค่าการซื้อขาย 40,922 ลบ. ต่างชาติ -1,639.22 ลบ. TFEX -4,697 สัญญา ตราสารหนี้ +1,676.03 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 288.01 จุด หรือ +0.87% โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้น จากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย.ขณะที่การขยายตัวของค่าจ้างชะลอลง และอัตราว่างงานที่สูงกว่าคาดในรายงานจ้างงานนอกภาคเกษตรนั้น จะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.3%
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ -0.6% ปิดที่ 82.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากแนวโน้มปริมาณน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก แต่ราคาน้ำมันยังคงลดลงอย่างมากเนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าราคาน้ำมันที่อาจพุ่งถึงระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลกำลังส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันลดลง 8.8% ในช่วงเช้าวันนี้ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 4%
+ สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่าทางการจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายกฎระเบียบสำหรับภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจต่างชาติ
+ ธปท. รายงานว่าในเดือนกันยายน 2566 ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50.4 จาก 48.9 ในเดือนก่อน จากด้านการผลิตคำสั่งซื้อ และผลประกอบการเป็นสำคัญ
ปัจจัยลบ
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.8% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7%
- กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 7 ต.ค. โดยระดมยิงจรวดหลายพันลูกจากฉนวนกาซาและส่งกองกำลังติดอาวุธหลายสิบคนแทรกซึมเข้าไปโจมตีในหลายเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอล และจับตัวประกันไว้หลายคน รายงานยอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นเป็น 1,100 รายและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก
- ม.หอการค้าแนะนำรัฐบาลทบทวนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ลดเม็ดเงิน-แจกเฉพาะกลุ่ม
- ตลาดหลักทรัพย์ รายงานมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-6 ตุลาคม 2566 แยกเป็นสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 54,360.27 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 51.17 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 166,025.14 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 111,613.70 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์หลังกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าดีดตัวขึ้นแรง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,430-1,445 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้รับประโยชน์มาตรการลดค่าไฟฟ้าตามมติครม. : HMPRO GLOBAL DOHOME CPALL CPAXT CRC
• นโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท : HMPRO ILM COM7 CPALL CPAXT CRC TNP KK
• กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย : BBL KBANK SCB KTB
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BDMS CPALL TOP
• น้ำมันขึ้นจากสงคราม : PTTEP SPRC BCP ESSO
หุ้นรายงานพิเศษ
SIS "ซื้อ" Bloomberg Consensus 29.26 บาท Upside 34%
"มุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 2H66 ที่คาดจะโตดีกว่า 1H66"
•งวด 2Q66 มีกำไร 174 ลบ. -10.5%YoY +29%QoQ โดยมีรายได้ 7,501 ลบ. -1.4%YoY +8.7%QoQ โดยหดตัวเล็กน้อย YoY เนื่องจากการลดลงของกลุ่มสินค้าผู้บริโภค อาทิ คอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้นเตอร์ และกลุ่มโทรศัพท์ เป็นต้น จากกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ เติบโต QoQ จากกลุ่มสินค้าที่ใช้ในองค์กร และกลุ่ม Cloud ส่วน %GPM ทรงตัวที่ 6.6% (2Q65 = 6.5%, 1Q66 = 6.5%) แต่ %SG&A สูงขึ้นจากปีก่อนสู่ 3.6% (2Q65 = 3.4%, 1Q66 = 3.9%) จากการเพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 2H66 ที่คาดจะโตดีกว่า 1H66 จากการเข้าสู่ช่วง High Season ประกอบกับแนวโน้ม %GPM คาดจะดีขึ้นจากธุรกิจ Value Added (สัดส่วน 23%) อาทิ Cyber Security และ Cloud ที่มีแนวโน้มเติบโตดีและมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามกลุ่มลูกค้าใหม่และยอด Subscribe ส่วนกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์ (สัดส่วน 12%) คาดจะดีขึ้นจากช่วง 1H66 เช่นกันจากการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 66 ราว 640 ลบ. -7%YoY (1H66 กำไร 309 ลบ. คิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปี 66) และราคาเหมาะสม 29.26 บาท Upside 34% แนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) CKP (Bloomberg consensus 4.50 บาท) รับอานิสงส์น้ำเหนือเขื่อนน้ำงึมยังทรงตัวสูง มีแนวโน้มเร่งขึ้นต่อเนื่องในเดือนตุลาคม หนุนกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าพุ่ง ชี้ดีต่อเนื่องไตรมาส 4/2566 แถมยังสามารถบริหารจัดการน้ำช่วงไตรมาส 1/2567 ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เล็งออกหุ้นกู้ 20-26 ตุลาคม เพื่อรีไฟแนนซ์ โบรกให้เป้า 4.70 บาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TFG (Bloomberg consensus 4.00 บาท) ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุด ออเดอร์ฟื้นตัวต่อเนื่อง บริโภคปลายปีคึก มั่นใจท่องเที่ยวยังรับอานิสงส์ฟรีวีซ่าจีน-คาซัคสถาน หนุนยอดขายสดใส เดินหน้าเปิดสาขาร้านค้าปลีก "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" 400 สาขา ยืนเป้าหมายในปี 2566 โต 10% ด้านโบรกชี้ราคาหมูฟื้นตัว ดันกำไรไตรมาส 4 ดีดลูกคิดปีหน้ากำไรทะยาน 106% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BAFS (Bloomberg consensus 36.50 บาท) ยังมั่นใจปี 2566 ปริมาณเติมน้ำมัน 4.2 พันล้านลิตร ชี้รัฐให้ความเชื่อมั่นการท่องเที่ยว จะดีต่อเนื่องไตรมาส 4/2566 เผย 9 เดือน ทำได้แล้วกว่า 3.15 พันล้านลิตร ธุรกิจขนส่งน้ำมันผ่านท่อทำได้ดี ปีนี้ล็อกเป้าที่ 750 ล้านลิตร เผยปีหน้าจะส่งมอบรถเติมน้ำมันอากาศยานเป็นระบบไฟฟ้า 7 คัน พร้อมอุปกรณ์โกยรายได้เข้าพอร์ต ลุยศึกษาธุรกิจ ไบโอเจ็ทต่อเนื่อง ย้ำมีดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน คาดสรุปต้นปีหน้า (ที่มา ทันหุ้น)
(+) III (Bloomberg consensus 14.80 บาท) บิ๊กบอส "ทิพย์ ดาลาล" มองไตรมาสที่ 4/2566 คาดว่าธุรกิจโลจิสติกส์ โตได้ดี เข้าสู่เทศกาลไฮซีซันของการท่องเที่ยว และธุรกิจขนส่ง เตรียมนำบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI เข้าระดมทุน อยู่ระหว่างการพิจารณาช่วงเวลาเสนอขายที่เหมาะสม (ที่มา ทันหุ้น)