วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี CHG - คงเป้าปี 2023

อย่างไรก็ตาม ยังเป็นเรื่องท้าทาย สำหรับ CHG ที่จะบรรลุเป้าหมาย ในระยะสั้นกำไรจะได้รับผลกระทบจาก CH แม่สอด และ CH Medical Center ที่ขาดทุน และการเพิ่มจำนวน สปส. ค่อนข้างจำกัด คงคำแนะนำ ถือ

 

คงเป้ารายได้ 8,000 ลบ.และอัตรากำไรสุทธิ 13.5-14.0% ในปี 2023

คิดเป็นกำไรสุทธิปีนี้ที่ 1.08-1.12 พันลบ. ลดลง 60% yoy เนื่องจากไม่มีรายได้จากบริการเกี่ยวกับโควิด ซึ่งใกล้เคียงประมาณการของตลาด ซึ่งหมายถึงกำไรสุทธิ 300-350 ลบ.ใน 4Q23F (เป็นไตรมาสที่กำไรสูงสุดของปี) เติบโต 16-36% yoy แต่ลดลงหรือเพิ่มขึ้น 8% qoq ปัจจัยขับเคลื่อนกำไรใน 4Q23 คือ (i) รายได้ภาระเสี่ยงของสปส. (Adj. RW<2); (ii) ค่าเหมาจ่ายรายหัวที่สูงขึ้นของ สปส.; และ (iii) โครงการประหยัดต้นทุน (การรวมการจัดซื้อจัดจ้างไว้ในส่วนกลาง)

 

ยังท้าทายที่จะบรรลุเป้าหมายปีนี้

CHG จะต้องมีรายได้ 2.4 พันลบ.ใน 4Q23 (+14% qoq) หรือ 30% ของเป้ารายได้ทั้งปี โดยปกติรายได้ 4Q จะน้อยกว่า 3Q เนื่องจากมีผู้ป่วยตามฤดูกาลน้อยลง (ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก) นอกจากนี้ ความไม่สงบทางการเมืองในเมียนมาร์และ
ความเคร่งครัดในการผ่านแดนอาจส่งผลกระทบรายได้ CH แม่สอด ในปี 2015-2019 (ก่อนโควิด) รายได้ 4Q อยู่ที่ 25-27% ของรายได้ทั้งปีของ CHG

 

 

แผนเติบโตในอนาคต

ได้แก่ (i) โควต้า สปส. ของกลุ่มเพิ่มจาก 564,900 เป็น 634,900 โดยทั้งหมดเพิ่มที่ CH 304 แต่จะไม่สนับสนุนรายได้ในระยะสั้น เนื่องจาก CH 304 ยังมีโควต้าเหลือ 25,852 ราย ณ วันที่ 3 สิงหาคม ขณะนี้จำนวนผู้กันตนลงทะเบียนกับ CHG อยู่ที่ 94% ของโควต้า; (ii) เพิ่มรายได้จากคนไข้ต่างชาติซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 3% ของรายได้โรงพยาบาล ผู้ป่วยในตะวันออกกลางเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่สุดคิดเป็น 50% ของรายได้ผู้ป่วยชาวต่างชาติ รองลงมาคือเมียนมาร์ 30% และกัมพูชา 20% (iii) การให้บริการบริหารศูนย์โรคหัวใจ (กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาหลายราย) ปัจจุบัน CHG บริหารโรงพยาบาล 3 แห่ง (โรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลสมุทรปราการ และโรงพยาบาลระยอง) และสัญญาดังกล่าวจะได้รับการต่ออายุ (iv) ใช้ประโยชน์จาก Century Care ช่วยเพิ่มอัตราการหมุนเวียนผู้ป่วยที่ CH3 และ CH9 และ (v) โครงการประหยัดต้นทุน (เช่น รวมศูนย์การจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ไว้ที่ส่วนกลาง)