วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คาดบรรยากาศซื้อขายเบาบางก่อนเข้าช่วงหยุดยาว

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คาดบรรยากาศซื้อขายเบาบางก่อนเข้าช่วงหยุดยาว

ส่งออก พ.ย.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกไทย พ.ย. ที่ 23,479 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ +4.9% (ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ +5.45%) ขณะที่นำเข้าขยายตัว +10.1% ส่งผลให้ดุลการค้า -2,399 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ สินค้าเข้าที่เพิ่มขึ้นหลักๆอยู่ในหมวดของสินค้าเชื้อเพลิง และสินค้าทุน ทำให้การขาดดุลตรงนี้สามารถมองในมุมบวกได้ว่าเป็นการนำเข้าเพื่อลงทุน อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง พ.ย. ที่คิดเป็น 18.9% ของยอดรวมการนำเข้า แม้ลดลงจากตัวเลขปี 2565 ที่ 19.9% แต่ก็ยังสูงกว่าช่วงราคาน้ำมันดิบถูกในปี 2558-60 ที่การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงลดลงไปต่ำสุดเหลือเพียง 8% ทำให้เราประเมินยังเป็นการยากที่จะเห็นการเกินดุลการค้าสูงๆ ดังนั้นการแข็งค่าของเงินบาทจะอยู่ในระดับจำกัด และภาพรวม 6-9 เดือนข้างหน้า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า 

หุ้นขนาดกลาง-เล็ก มีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวได้ดี เมื่อพิจารณาจาก FTSE SET หุ้นกลางและเล็กปรับลดลงมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ จนเริ่มอยู่ในจุดที่ผลตอบแทนและ Valuation เริ่มมีความจูงใจ ทำให้เราประเมินจะเห็นการเคลื่อนไหวที่ดีในกลุ่มเหล่านี้ในช่วงที่ตลาดไม่มีความเคลื่อนไหวจากเงินทุนต่างชาติที่ชัดเจน หุ้นในโซนล่างที่น่าสนใจ และมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงสั้น ได้แก่ SVT, PSP, FORTH, FSMART, KEX (ควรเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน) 
 

ภาพรวมกลยุทธ์ ยกฐานการเก็งกำไรขึ้นมาเหนือ 1,400 จุด โดยยังมองการฟื้นในหุ้นรายตัวจะทำให้ตลาดมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,430 จุด ในช่วงสิ้นปี กลุ่มหุ้นที่กระแสเงินสดดีและปันผลสูง ค่อนข้างยืนได้ดีและแข็งแกรงกว่าภาพรวม จะเป็นตัวประคองตลาด และอาจทำให้หุ้นกลางหุ้นเล็ก รวมถึงหุ้นไวต่อดอกเบี้ย ฟื้นได้ดีในช่วง 2 เดือนนี้

หุ้นแนะนำ: SJWD*, AAI*, ORN*, BSRC*

แนวรับ: 1,400 / แนวต้าน : 1,410-1,430 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

ส่งออก พ.ย.66 บวกต่อ 4.9% ส่งผล 11 เดือนติดลบเหลือ 1.5%”- กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน พ.ย.66 การส่งออกมีมูลค่า 23,479.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4.9% จากที่ตลาดคาดว่าจะเติบโตราว 5% ส่งผลให้ตัวเลข 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) ของปี 66 การส่งออกมีมูลค่า 261,770.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขเฉลี่ยหดตัวลดลงเหลือ 1.5% และมั่นใจว่าทั้งปีจะติดลบน้อยลงอีก (อินโฟเควสท์)

กรมการค้าภายในถกผู้ค้าน้ำมันดูแลให้เติมน้ำมันเต็มลิตร - กรมการค้าภายในถกผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ตกลงร่วมกัน ตั้งค่าหัวจ่ายน้ำมันให้มากกว่า 0 ป้องกันเติมน้ำมันแล้วปริมาณขาด ถ้าพบจ่ายขาดติดต่อกัน 2 ครั้ง แม้อยู่ในค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ต้องแก้ไข และตรวจรับรองใหม่ ลุ้นคณะกรรมการชั่งตวงวัดปรับเกณฑ์ หัวจ่ายน้ำมันใหม่ (กรุงเทพธุรกิจ)

ทะเลแดงพ่นพิษ วันนี้พาณิชย์ถกบริษัทสายเรือสกัดปัญหาขึ้นค่าระวาง –  วันนี้เวลา 09.00 น. กระทรวงพาณิชย์ เชิญทุกสายเดินเรือ ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือปัญหาถึงผลกระทบ และแนวทางการรับมือ กระทรวงพาณิชย์ยังยืนยันว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้กระทบการส่งออกของไทยในปี 2566 และระยะเวลาการส่งออก เหลือเวลาแค่ 6-7 วัน ก็สิ้นปีแล้ว (ประชาชาติ)
 

TESG - ในกลุ่มที่มี ESG rating AAA และ AA ที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อ ได้แก่ ADVABC, BCP, CPALL, CPAXT, CPF, CRC, PTT, SCGP, TISCO, BCPG, BDMS, CPN, EA, EGCO, MAJOR, RATCH, SCB 

 

ประเด็นติดตาม: 28 ธ.ค. - Pending Home Sales (MoM)/1 ม.ค. - S&P Global US Manufacturing PMI (Dec)/ 3 ม.ค. - ISM Manufacturing PMI (Dec), JOLTs Job Openings (Nov)/

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)