เวสต์เทกซัส 72.68 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เบรนท์ 78.29 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (15 ม.ค. 67) ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส และ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 1% หลังสหรัฐฯ และอังกฤษโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีทั้งทางอากาศ และทางทะเล ซึ่งสร้างความเสียหายต่อฐานที่ตั้งเรดาร์ คลังอาวุธ และแท่นยิงจรวด รวมฐานที่มั่นทั้งสิ้น 16 แห่ง ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าสถานการณ์จะขัดแย้ง และทำให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวจากความยากลำบากในการขนส่ง แม้ว่าผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตน้ำมัน จะยังไม่มากก็ตาม

+ ตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันดิบจีนสูงขึ้น เนื่องจากจีนได้ซื้อน้ำมันดิบสูงขึ้นในปี 2566 หลังความต้องการใช้น้ำมันฟื้นฟูจากช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอและโรคระบาดที่ผ่านมา นอกจากนี้ตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบจีนของเดือน ธ.ค. 66 ปรับตัวสูงขึ้น 2.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 65 และสูงขึ้น 0.5% จากเดือน พ.ย. 66

+ Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 12 ม.ค. ลดลง 2 แท่น อยู่ที่ระดับ 499 แท่น ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับลดลง 1 แท่น มาอยู่ที่ ระดับ 117 แท่น

+ ตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนหลังการเจรจาประท้วงปิด Facility ต่างๆ ของลิเบียได้เลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิมภายในวันศุกร์ที่ 12 ม.ค. 67 เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปส่งผลให้ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันตึงตัวมากขึ้น
 

 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาด Gasoline ที่มีความกังวลเรื่องอุปทานตึงตัวจากการขนส่งในทะเลแดง ประกอบกับตัวเลขความต้องการใช้น้ำมันเบนซินจีนปี 2566 ที่ปรับตัวสูงขึ้น 43.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ม.ค. 67 ปรับลดลง 3% นอกจากนี้ ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดีเซลตึงตัวจากการหยุดผลิตน้ำมันของโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ทะเลแดงที่ตึงเครียดมากขึ้น