วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ลุ้น PMI Mfg & Service เบื้องต้นเดือน เม.ย. ของ US EU JP

โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,356/1,365 จุด ขณะที่สัญญาณยืนยันการกลับตัวเป็นทิศทางขาขึ้น (Turning Point) อย่างจริงจัง ต้องรอเห็นการสร้างจุดต่ำสุดและจุดสูงสุด ที่สูงขึ้น หรือ Higher High, Higher Low พร้อมด้วยวอลุ่มที่สูงขึ้น ทำให้ KTX ประเมินทิศทางดัชนีฯ ระยะสั้น เป็นเพียงการรีบาวนด์เพื่อลงต่อ โดยมีเป้าหมายรีบาวนด์ที่ 1,365/1,380 จุด ขณะที่แนวรับหลักเพื่อลุ้นรีบาวนด์รอบใหม่คาดอยู่ที่ 1,330/1,320 จุด

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

US 1Q24E Earnings Results: จับตารายงานผลกำไรของ Tesla, Visa, PepsiCo, GM, UPS, GE, TI ฯลฯ โดยจะส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้น หากออกมาต่ำกว่าคาด (ตลาดเริ่มกังวลต่อ Earnings Yields ของบจ.สหรัฐฯ หลังจาก US Bond Yields เปลี่ยนมาเป็นทิศทางขาขึ้นรอบใหม่)

TH 1Q24 Earnings Results: จับตารายงานผลประกอบการของหุ้นกลุ่มที่มิใช่สถาบันการเงิน SCGP โดย Consensus คาดรายงานกำไร +14.9% YoY, +15.1% QoQ เป็น 1,403 ล้านบาท

TH Ex-Dividend Effect คาดมีผลกระทบเชิงลบต่อดัชนีฯ วันนี้ 0.77 จุด จากการขึ้นเครื่องหมาย XD ของ BBL (จ่าย 5 บาท/หุ้น) ฯลฯ

 

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ:

+/-รายงานภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นเดือน เม.ย. ของ US EU JP: โดย Consensus คาดว่า JP จะรายงานภาคการผลิตและภาคบริการลดลง เป็น 48.0 (Vs เดือน มี.ค. 48.2) และ 54.0 (Vs เดือน มี.ค. 54.1) ส่วน EU คาดรายงานดีขึ้นทั้งภาคการผลิตและภาคบริการเป็น 46.5 (จาก 46.1) และ 51.8 (Vs 51.5) เช่นเดียวกันกับ US คาดรายงานภาคการผลิตและภาคบริการดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 52 (Vs จาก 51.9) และ 51.8 (Vs จาก 51.7) ตามลำดับ และคาดการณ์สิ้นปีนี้จะขึ้นไปแตะ 53 จุด ทั้งภาคการผลิตและบริการในเดือน ธ.ค. 2024 ทั้งนี้ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ส่งผลต่อมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลกปีนี้ โดย FMS เดือน เม.ย. คาดเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเกิดภาวะ No Landing สูงขึ้นเป็น 36% (Vs 23% ในเดือน มี.ค. และ 6% ณ เดือน ธ.ค. 2023)

+US New Home Sales เดือน มี.ค.: Consensus คาดเติบโตสูงขึ้น +2.7% MoM เป็น 0.68 ล้านหน่วย ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. ที่เติบโต -0.3% MoM เป็น 0.662 ล้านหน่วย

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวก ได้แก่ PTTGC TOA BTS

Strategic daily picks

PTTGC    ปิด 37.75 บาท/แนวรับ 36.25 บาท แนวต้าน 41.00 บาท

แนวโน้มผลประกอบการ 1Q24 กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นมีค่ามาร์จิ้นดีใกล้เคียง 4Q23 ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีในสายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์มาร์จิ้นดีขึ้น แต่ธุรกิจพอลิเมอร์มีมาร์จิ้นลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น ขณะที่ ความต้องการใช้ยังไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน ทำให้บริษัทมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน แต่บริษัทอาจจะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 8.47 พันล้านบาท (+748.14% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 41.15 บาท

 

 

TOA     ปิด 23.80 บาท/แนวรับ 22.80 บาท แนวต้าน 24.50 บาท

ปี 2024 TOA ตั้งเป้ายอดขายจะเติบโต 6-8% จากปีก่อน โดย 1H24 จะเน้นการประคองยอดขาย แต่คาด 2H24 จะกลับมาเติบโต จากการผลักดันยอดขายสินค้าในทุกกลุ่ม ขณะที่งบลงทุนในช่วง 2 ปี จะใช้เงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท โดยจะลงทุนในไลน์ การผลิตใหม่ ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 659 ล้านบาท (+4.19% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 30.08 บาท

BTS     ปิด 6.00 บาท/แนวรับ 5.80 บาท แนวต้าน 6.60 บาท

จำนวนผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า BTS (เฉพาะส่วนหลัก สถานีหมอชิต-อ่อนนุช และสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน) ใน 1Q24 รวม 50 ล้านเที่ยว ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านเที่ยว หรือ +7.29% YoY นอกจากนี้ คาดแผนงานในปี 2024/25 (เดือน เม.ย. 2024-มี.ค. 2025) ของกลุ่มธุรกิจ MOVE จะมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นกว่างวดปี 2023/24 หนุนจากการเปิดให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) เต็มรูปแบบแล้ว ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 (สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2024) ที่ 990.25 ล้านบาท (-46.06% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 7.23 บาท