วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Fund Flow ไหลออก
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบช่วงเช้า ก่อนจะมีแรงซื้อกลับขึ้นมาในช่วงบ่าย จากสำนักงานเศรษฐกิจการคลังประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ เม.ย. 67 เติบโตในภาคท่องการเที่ยว การส่งออก และการลงทุนภาคเอกชน มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพาณิชย์ ขนส่ง และไอซีที
มีแรงขาย ในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และธนาคาร ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,351.52 จุด +1.69 จุด +0.13% มูลค่าการซื้อขาย 43,760.18 ลบ. Program Trading -1,600.2 ลบ. ต่างชาติ -1,372.8 ลบ. TFEX -26,151 สัญญา ตราสารหนี้ -2,065.2 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ตลาดคาดว่าที่ประชุมโอเปคพลัสในวันที่ 2 มิ.ย. จะหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปีนี้ซึ่งจะเป็นประเด็นบวกสนับสนุนราคาน้ำมัน
+สหรัฐเปิดเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ลดลง 7.7%MoM และลดลง 7.4%YoY ในเดือนเม.ย. แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีทรงตัว บ่งชี้ตลาดอสังหาฯสหรัฐแผ่วลง
+สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) 1Q67 ที่ระดับ 3.0% ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 3.1% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.1% (ตัวเลขจริงรายงานคืนนี้)
+ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เม.ย. 67 ขยายตัว 3.43%YoY พลิกขยายตัวเป็นครั้งแรกหลังหดตัวต่อเนื่อง 18 เดือน อัตราการใช้กำลังการผลิต 55.26% จากการส่งออกกลับมาขยายตัวและภาคท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว และฐานต่ำในปีก่อน
+/- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 GDP 1Q67 ว่าขยายตัว 1.3% ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 1.6% แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.2% ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 330.06 จุด หรือ -0.86% หลังจากเซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่งผลให้ราคาหุ้นเซลส์ฟอร์ซและหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ร่วงลงด้วย
-สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ -1.67% ปิดที่ 77.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวลงของอุปสงค์เชื้อเพลิง
- คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติตรึงราคาอัตราชดเชยราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 1.40 บาทเพื่อรักษาสภาพคล่องกองทุนฯ ในภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกยังผันผวน ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลต้องปรับขึ้นอีกลิตรละ 0.50 บาทเป็นลิตรละ 32.94 บาทมีผล 31 พ.ค. เป็นต้นไป เต็มกรอบเพดานราคาที่ ครม.ตรึงราคาไว้ไม่เกินลิตรละ 33 บาท ในอนาคตมีโอกาสขยับเพิ่มเพดาน
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงเนื่องจากถูกกดดันจาก Fund Flow ที่ไหลออกต่อเนื่อง และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม GDP สหรัฐขยายตัว 1.3% ใน 1Q67 และความคาดหวังว่าโอเปคพลัสจะยืดเวลาการลดกำลังการผลิตไปถึงสิ้นปีเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ ที่ 1,340-1,360 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• Digital Wallet : CPALL BJC CRC DOHOME GLOBAL HMPRO
• ไมโครซอฟท์ ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ : INSET SYMC INET ITEL TKC
• MSCI Rebalance มีผล 31 พ.ค. : Global Standard หุ้นเข้า – หุ้นออก BTS LH MTC Global Small Cap หุ้นเข้า BTS, JTS, LH, MTC หุ้นออก BLAND, DITTO, FORTH, KSL, MAJOR, PSL, RS, SGP, SPCG, WHAUP
• สินค้าส่งออกเดือน เม.ย. เติบโตดี : AAI ITC STA NER TRUBB XO TFG BTG
หุ้นรายงานพิเศษ
TEGH "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" (Bloomberg Consensus 3.60 บาท)
"การขายยาง EUDR เร่งตัวในช่วง 2H67"
•งวด 1Q67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 63 ลบ. -7%QoQ, -38%YoY เนื่องจากค่าใช้จ่าย การขายเพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น โดยมีรายได้จากการขายสินค้า และ การให้บริการจำนวน 3,709 ลบ. +26%QoQ, +17%YoY สาเหตุหลักจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมล้อรถยนต์ และราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น สัดส่วนรายได้แยกรายธุรกิจ แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจผลิต และจำหน่ายยางธรรมชาติ 90% ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 9% และธุรกิจพลังงานทดแทน และ บริหารจัดการกากอินทรีย์ 1% มีอัตรากำไรขั้นต้น (%GP) 8.8% เพิ่มขึ้น QoQ จาก 8.4% ในงวด 4Q66 แต่ลดลง YoY จาก 10.2% ใน 1Q66 เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่การปรับขึ้นราคาขายมี Lag time
•ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานช่วง 2H67 เนื่องจาก จะเห็นการขายยางเกรด EUDR มากขึ้น ปริมาณขายราว 7.5 หมื่นตัน เทียบกับปริมาณขายยางปกติในช่วงปีที่ผ่านมาราว 2.2 แสนตัน/ปี ซึ่งราคาขายยาง EUDR จะสูงกว่าราคายางทั่วไป
(EUDR ย่อมาจาก EU Deforestation free Regulation เป็นกฎหมายที่ห้ามไม่ให้ค้าขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า) โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 67 ราว 455 ลบ. +111%YoY กำไรในงวด 1Q67 คิดเป็น 14% ของประมาณการ กำไรทั้งปีมีราคาเหมาะสมเฉลี่ย 3.60 บาท จากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องใน 4 วันทำการ ถึง 18% เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว"
หุ้นมีข่าว
(+) BGRIM (Bloomberg consensus 32.00 บาท) สยายปีกสู่สหรัฐ ประเดิมทุ่ม 2.5 พันล้านบาท เข้าเทกโอเวอร์ BGP US ผู้ผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Malacha รับ BGP US มีแผนขยายตัวเชิง กลยุทธ์ในการเข้าซื้อและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติม เป็นการเปิดประตูใหญ่ในตลาดสหรัฐ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) COCOCO (Bloomberg consensus 15.30 บาท) ขยายผลิตภัณฑ์มะพร้าวไทยสู่ตลาดโลก เปิดตัวรูปแบบแพ็กเกจใหม่ Slim Can และ PET ชิงพื้นที่ตลาดน้ำมะพร้าว พร้อมเสิร์ฟไอศกรีมผลไม้ เอาใจคนรักสุขภาพ ปักธงรายได้ใน 3 ปี ข้างหน้า (2569) แตะ 1 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MEGA (Bloomberg consensus 52.50 บาท) ครึ่งปีหลังโตต่อ มั่นใจยอดขายปีนี้เติบโต 5-8% ตามเป้า มองความต้องการยา-อาหารเสริม ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าลงทุน ทั้งในอินโดนีเซีย และเวียดนาม เร่งผลิตสินค้าดันกำไรโตตามเป้า 3 ปีแตะ 2.4 พันล้านบาท ด้านเมียนมาสถานการณ์ไม่น่ากังวล ปัจจุบันยังสร้างยอดขายได้ดี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CCET (Bloomberg consensus 4.30 บาท) คาดโรงงานแห่งใหม่ในมหาชัย และ จ.เพชรบุรี จะเริ่มดำเนินการในครึ่งหลังปี 2567 เน้นผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูงรับออเดอร์ต่างประเทศ ฟากผู้บริหาร "คงสิทธิ์ โจวกิจเจริญ" เผยแนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางสดใส รับอานิสงส์โรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่ Free Trade Zone ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษี BOI ขณะที่ฐานทุนแกร่ง มั่นใจผลงานปี 2567 โตก้าวกระโดด (ที่มา ทันหุ้น)