กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ แนวโน้มฟื้นตัวได้บ้าง แต่ฟันด์โฟลว์ยังไหลออก อาจจำกัดทางขึ้น

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ แนวโน้มฟื้นตัวได้บ้าง แต่ฟันด์โฟลว์ยังไหลออก อาจจำกัดทางขึ้น

ตลาดหุ้นไทยน่าจะฟื้นตัวได้บ้างในสัปดาห์นี้ ในสัปดาห์ที่แล้ว (17-21 มิถุนายน) ตลาดหุ้นไทยผันผวนอย่างหนัก โดยระหว่างสัปดาห์ปรับลดลงมาต่ำกว่าระดับจิตวิทยาที่ 1,300 ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาใหม่ในช่วงปลายสัปดาห์

โดยประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดมีดังนี้

ประเด็นแรก นักลงทุนยังคงระมัดระวังกับสถานการณ์การเมืองไทย เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญกำหนดวันพิจารณาใหม่สำหรับคดียุบพรรคก้าวไกล และคดีการปรับคณะรัฐมนตรีของนายกฯ เศรษฐา ทวีสินในสัปดาห์ที่สองของเดือนกรกฎาคม

ประเด็นที่สอง กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเมืองไทย และ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งขึ้นผิดคาดเพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป

ประเด็นที่สาม หุ้นขนาดเล็ก (small-cap) หลายตัวร่วงแรงเพราะนักลงทุนถูก force sell และ ทำให้ภาวะ
ตลาดโดยรวมเป็นลบ

 

ในสัปดาห์นี้ (24-28 มิถุนายน) ดัชนี SET น่าจะฟื้นตัวได้ จากเหตุผลดังต่อไปนี้

ประการแรก นักลงทุนอาจจะตอบรับในเชิงบวกกับการที่รัฐบาลเปิดเผยมาตรการใหม่ในการสนับสนุนเศรษฐกิจ และ ตลาดทุน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการปรับเพิ่มโควตาการหักภาษีจากเงินลงทุนในกองทุน Thai ESG เป็น 300,000 บาท จากเดิม 100,000 บาท 

ประการที่สอง เราคิดว่า upside ในระยะสั้นไม่ได้มากอย่างมีนัยสำคัญ เพราะยังขาดความชัดเจนจากปัจจัยการเมืองไปจนถึงปลายเดือนกรกฎาคมหรือต้นเดือนสิงหาคม ในขณะที่ภาวะตลาดโลกยังคงถูกกดจากการแข็งค่าของดอลลาร์ฯ และ การที่ผู้บริหาร Fed ไม่มีท่าที dovish มากพอ โดยแนวโน้มค่าเงินยูโรในระยะสั้นก็เป็นลบจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป ดังนั้น กระแสเงินทุนต่างชาติจึงอาจจะยังคงไหลออกต่อไป

 

 

 

 

ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE สหรัฐ, ปาฐกถาของผู้บริหาร Fed และ การประกาศมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ และ ตลาดทุนไทย

ปัจจัยสหรัฐ: ติดตาม i) ตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE เดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ และ ii) ปาฐกถาของผู้บริหาร Fed เกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงิน

ปัจจัยในประเทศ: ติดตาม i) การประกาศมาตการสนับสนุนเศรษฐกิจ และ ตลาดทุนไทยโดยกระทรวงการคลัง และ ii) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพฤษภาคมโดยธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่ 28 มิถุนายน

 

ยังคงเน้นธีมหลักคือ global plays และ การส่งออก รวมถึงเก็งกำไรในหุ้น SETESG ที่ยัง laggard 

เรายังคงมุมมองหลักว่าตลาดจะพักฐาน และ นักลงทุนยังควรเน้นธีมหลักของกลยุทธ์การลงทุน อย่างเช่น i) ประเด็นการฟื้นตัวของยุโรป และ จีน (MINT*, CPF* และ SCGP*)  ii) วัฏจักรเทคโนโลยีที่ยาวขึ้น, การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ Ais ทั่วโลก และ แนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นใน 2H2 (DELTA*) iii) หุ้น F&B ที่ผลประกอบการ 2Q67 มีแนวโน้มแข็งแกร่ง (OSP*, CBG*, ICHI*)  ในขณะเดียวกัน ในแง่ของการเก็งกำไร นักลงทุนอาจจะพิจารณาเข้าลงทุนในหุ้น laggard ที่อยู่ในดัชนี SETESG เพื่อดักหน้าการปรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คาดว่าจะมีการประกาศออกมาในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ เราได้คัดกรองหุ้นในดัชนี SETESG และ พบว่ามีหกตัวที่ดูน่าสนใจ ได้แก่ ADVANC*, CPF*, GPSC*, OSP*, ICHI* และ RBF*)